นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Somchai Swangkarn" เกี่ยวกับโครงการแจกเงินหมื่น "ดิจิทัลวอลเล็ต" ที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ในหลายแง่มุม ดังนี้
เอกสารประกอบนโยบายที่พรรคเพื่อไทย ยื่นชี้แจงต่อ กกต.ว่า ที่มาของเงินที่จะใช้ดำเนินการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกระเป๋าเงินดิจิตัล 560,000 ล้านบาท โดยจะใช้การบริหารงานงบประมาณปกติ และการบริหารระบบภาษี ได้แก่ 1) ประมาณการรายได้ปี 2567 ที่เพิ่มขึ้น 260,000ล้าน 2) ภาษีที่ได้เพิ่มขึ้น 100,000 ล้าน 3) การบริหารจัดการเงินกู้ 110,000 ล้าน 4) การจัดการงบประมาณสวัสดิการที่ซ้ำซ้อน 90,000 ล้าน
สรุปว่าที่มาของเงินไม่ใช่การดำเนินการตาม 4 ข้อข้างต้น
หากแต่ชัดเจนว่าเป็นการกู้มาแจก โดยการออก พ.ร.บ.เงินกู้ 600,000 ล้านดังกล่าวซึ่งไม่ตรงกับรายงานที่เคยแจ้งไว้เป็นหลักฐานต่อ กกต. ดังนั้นเป็นเรื่องที่ กกต. คงจะต้องตรวจสอบอีกครั้งให้ชัดเจน ว่า เข้าข่ายผิดกฎหมายใดบ้างทั้งที่มาของเงินไม่เป็นตามที่แจ้งต่อ กกต. หรือจะเข้าข่าย "สัญญาว่าจะให้หรือไม่"
การเลือกวิธีการจะตราเป็นกฎหมายพิเศษเพื่อกู้เงินตามมาตรา 53 ของกฎหมายวินัยการเงินการคลัง เพื่อเลี่ยงไม่ให้ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา140 นั้น อาจทำได้ แต่ก็หาใช่ว่า กฎหมายมาตรา 53นี้จะอนุญาตให้ทำได้ทุกกรณี เพราะมีเงื่อนไขกำกับไว้ชัดเจนว่า ให้ทำได้โดยมี 4 เงื่อนสำคัญคือ 1) เร่งด่วน 2) ต่อเนื่อง 3) เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤติของประเทศ 4) ไม่อาจตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ทัน
สรุปว่า ไม่เข้าเงื่อนไขใดๆเลย ทั้งเรื่องความเร่งด่วน หรือความต่อเนื่อง เพราะจ่ายเงินออกครั้งเดียว 5 แสนล้านไม่ต่อเนื่อง มีที่ต่อเนื่องคือการต้องใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย หรืออ้างว่า เพื่อแก้วิกฤตประเทศ ข้อเท็จจริงก็ไม่ได้มีวิกฤตร้ายแรง เช่น สงคราม / โรคระบาดโควิด / วิกฤติต้มยำกุ้ง ฯลฯ เมือนอดีตที่ผ่านมา
สว.สมชาย ระบุต่อว่า ลึกๆแล้ว คงมีการคาดหวังอาศัยให้คณะกรรมการกฤษฎีกา รัฐสภา สส. สว. ศาลรัฐธรรมนูญ ช่วยโต้แย้งและล้มนโยบายแจกเงินดิจิทัลนี้ ด้วยการคว่ำร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ นี้แทน เหตุเพราะนโยบายที่เคยหาเสียงแล้วทำไม่ได้จริงกระมัง #เลิกดันทุรังเถอะ