น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ อ้างว่าน.ส.ศิริกัญญา เคยเห็นด้วยกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า การเห็นด้วยมีหลายระดับ และเวลานี้นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ได้เปลี่ยนรายละเอียดมาไกลจากที่จะใช้เงินในงบประมาณ มาเป็นการออก พ.ร.บ.กู้เงิน รวมถึงจากการแจกให้ถ้วนหน้า กลายเป็นจำกัดคนมีรายได้สูง
ทั้งนี้ ยอมรับว่าเคยพูดคุยเรื่องนี้กันจริง เมื่อครั้งที่พรรคจะร่วมรัฐบาลกัน โดยเคยวางแผนสำหรับงบประมาณปี 2566 แต่เงินที่มีไม่พอที่จะทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ในเมื่อไม่สามารถนำงบไปใช้ได้ทั้งก้อน จึงต้องปรับลดงบลง ก็ตรงไปตรงมา ขอให้อย่าบิดประเด็นไปมากกว่านี้
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ถึงตอนนี้รัฐบาลยังไม่มีคำตอบว่า เหตุใดจึงยังเดินหน้าโครงการต่อ ในเมื่อการออก พ.ร.บ.กู้เงิน อาจขัดต่อ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ทำไมพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลจึงคิดทำต่อ ทุกวันนี้ยังไม่ได้รับเหตุผลใดๆ กลับมา เพียงมีการขุดอดีตไล่ความชอบธรรมว่าตนเคยเห็นด้วย ทุกครั้งที่ออกมาแสดงความเห็นเรื่องนี้ ไม่เคยพูดคัดค้านแม้แต่ครั้งเดียว เพียงแต่ถามว่างบมาจากไหน ขอให้รัฐบาลช่วยตอบให้ตรงประเด็นว่าจะไม่ผิดกฎหมายได้อย่างไร
โดยเพียงเปิดความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา เปิดเผยรายงานการประชุม ทั้งในชั้นคณะอนุกรรมการ และคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ออกมาว่าไม่ผิดกฎหมายอย่างไร ก็จบแล้ว ตนก็จะเป็นคนหน้าแตกไปแล้ว
ส่วนที่อ้างว่าผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เสนอให้ออก พ.ร.บ.กู้เงินนั้น ยิ่งต้องดูรายงานของคณะกรรมการชุดใหญ่ว่ามีมติอย่างไร เพราะไม่เชื่อว่าผู้ว่าฯ ธปท. จะเสนอแนวทางนี้ เพราะทุกครั้งก็คัดค้านมาตลอด
"เราคาดหวังว่า วันที่ประกาศต่อประชาชนว่าจะออกพ.ร.บ.กู้เงิน ได้ปรึกษากฤษฎีกาเรียบร้อยแล้ว ทุกฝ่ายเห็นร่วมกันว่าทำได้ หากไม่ผิดกฎหมาย ก็ไม่มีช่องให้นักร้องไปร้องเรียนได้ แต่การพูดลอยๆ แบบนี้ สุดท้ายต้องมากลับคำกันอีก ทำให้เสียความเชื่อมั่นต่อประชาชน" น.ส.ศิริกัญญากล่าว
ส่วนกรณีที่มีการเริ่มไปร้องเรียนผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเป็นไปตามเกมของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ตนได้แต่ดักคอไว้ เพราะเราไม่อยากให้มาถึงวันนี้ นักร้องไม่สมควรเข้ามามีส่วนร่วมกับการกำหนดนโยบายของรัฐบาล พอสบช่องให้ร้องแบบนี้ หากศาลรัฐธรรมนูญรับฟ้องจะทำให้ล่าช้าออกไปอีก มองว่าเป็นกับดักที่รัฐบาลคิดเอาไว้แล้วหรือไม่
พร้อมกันนี้ ขอตั้งข้อสงสัยว่า ข้าราชการกระทรวงการคลังไม่มีใครท้วงติงรัฐบาลเลยหรือ จะถือว่าทำผิดกฎหมายกันหมด แม้จะผ่านสภาฯ แต่ขั้นต่อไปจะมีปัญหาเรื่องการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี
"นายกฯ พูดว่าจะชดใช้เงินกู้ให้หมดภายใน 4 ปี ปีแรก มาแล้วแสนกว่าล้านบาท ดอกเบี้ยอีกหมื่นล้านบาทมาแน่นอน ในการพิจารณางบประมาณปี 2568 คิดว่าการใช้คืนหนี้สูงมาก มีทั้งดอกเบี้ยเดิม และดอกเบี้ยใหม่ ภาษีที่รัฐบาลจัดเก็บได้ 20% ก็ต้องไปใช้หนี้ ทำให้จัดงบประมาณปี 2568 ได้ยากลำบาก รวมถึงรายได้ที่คิดว่าจะมาจากดิจิทัลวอลเล็ตก็จะไม่ทัน ประชาชนเดือดร้อนแน่ๆ" น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
น.ส.ศิริกัญญา ยังได้เปรียบเทียบกรณีดังกล่าวกับ พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าผิดกฎหมาย ดังนั้น รัฐบาลปัจจุบันจึงไม่สามารถจะอ้างได้ว่าไม่รู้ เพราะคำวินิจฉัยของศาลปี 2557 ก็เป็นกรณีแบบเดียวกัน ที่ผ่านมายังไม่มีการถกเถียงกันเลยว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนอย่างไร นายกรัฐมนตรีเพียงยกตัวเลข GDP ของไทยย้อนหลัง 10 ปี ขึ้นมาระบุว่าเป็นปัญหาเรื้อรังเชิงโครงสร้าง ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยมาตรการระยะสั้น
อย่างไรก็ดี หากในท้ายสุด พ.ร.บ.กู้เงิน เพื่อมาใช้ทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตไม่ผิดกฎหมาย แต่เชื่อว่าการกู้เงินมากในระดับนี้ จะมีปัญหาในอนาคตแน่ เพราะแม้จะไม่ทำให้หนี้สาธารณะเกินกรอบเพดานที่ขยายไว้ 70% ต่อ GDP แต่สิ่งที่ไม่สามารถเลี่ยงได้ คือ ภาระดอกเบี้ยต่องบประมาณ ซึ่งสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือจะต้องจัดอันดับเครดิตเรตติ้ง และเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีจะต้องชี้แจงงบประมาณปีแรก จะต้องจ่ายเงินต้น และดอกเบี้ย ซึ่งเกิน 10% ของงบประมาณแผ่นดิน
ถ้าสุดท้ายพ.ร.บ.เงินกู้ นี้ผ่านสภาฯ และบังคับใช้ได้จริงและดิจิทัลวอลเล็ต เกิดขึ้นจริง ที่รัฐบาลพยายามบอกว่าประเทศกำลังมีวิกฤตนั้น จะเห็นว่าเป็นวิกฤตที่เกิดขึ้นในระยะยาว เป็นปัญหาเรื้อรัง ซึ่งไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในการแก้ไขปัญหาด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นได้เลย
"นโยบายนี้ ถูกคิดขึ้นมาตั้งแต่ มี.ค.-เม.ย.ปีนี้ แต่จะถูกนำไปใช้จริงปีหน้า สรุปแล้ววิกฤตเกิดขึ้นตอนไหนกันแน่ เร่งด่วนถึงขั้นที่เราได้ในอีก 1 ปี เร่งด่วนหรือไม่ ดังนั้นการเลือกใช้ โดยการออกร่าง พ.ร.บ. ยิ่งต้องใช้เวลาในสภาฯ จึงถามว่าความจำเป็นเร่งด่วนอยู่ตรงไหน และขออย่าปล่อยให้รัฐบาลบิดเบือน" น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
ส่วนที่รัฐบาลมองว่า GDP ไม่โตตามเป้านั้น น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ก็ต้องดูว่า GDP โตได้ตามศักยภาพที่ไปได้หรือไม่ ซึ่งแน่นอนว่า แม้ GDP จะโตช้า แต่เราไม่สามารถกระตุ้นได้ด้วยการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นเลย ควรต้องระบุในทางพื้นที่หรือไม่ว่าพื้นที่ไหนควรจะต้องใช้วิธีการกระตุ้นเป็นกรณีพิเศษ อย่างฮ่องกงปี 2565 เศรษฐกิจของฮ่องกงยังโตติดลบอยู่ จึงต้องมีการแจกเงิน ซึ่งก็เหมือนของไทยตอนโควิดระบาด และแจกเงินเยียวยาประชาชน แต่วันนี้เศรษฐกิจโตขึ้น ยังไม่ใช่เวลาของการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแน่นอน ดังนั้นยังรอคำตอบ เพราะรัฐบาลไม่เคยนำตัวเลขออกมาให้เราดูชัดๆ
"ขอร้องว่าอย่าใช้ความรู้สึกบริหารประเทศ ต้องใช้ตัวเลขข้อมูล ข้อเท็จจริง ว่าสรุปแล้วปัญหาคืออะไร ที่บอกว่าเกิดวิกฤตหนักสาหัส ขอดูตัวเลขหน่อยว่ากำลังพูดถึงตัวเลขไหน จะได้คลายกังวลว่าใช้เครื่องมือที่ถูกต้องในการแก้ไขปัญหาประเทศ" รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุ
เมื่อถามว่าการเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เป็นเพราะนายกฯ ต้องการเอาชนะหรือไม่นั้น น.ส.ศิริกัญญา เห็นว่าไม่ใช่เรื่องของการเอาชนะ แต่น่าจะเป็นการรักษาคำพูดมากกว่า ซึ่งน่าจะเป็นจุดอ่อนจุดหนึ่ง หลังจากไม่รักษาคำพูดมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนร่วมรัฐบาล และตั้งรัฐบาลมา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องฟื้นความเชื่อมั่นว่าต้องทำตามที่พูดที่ได้หาเสียงไว้ได้ ซึ่งเป็นบททดสอบที่สำคัญก็อาจจะแพ้ไม่ได้เช่นเดียวกัน
"จึงเป็นปัญหาหนักใจ เพราะตอนคิดโครงการ คิดมาไม่ถี่ถ้วน โดยตอนคิด ยังบอกว่าใช้เงินจากงบประมาณ ซึ่งเห็นว่าไม่มีทางเป็นไปได้ และพอหลังพิงฝา แล้วไม่มีทางออก จึงคิดเป็นอื่นไม่ได้ว่าไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากหาทางลง" น.ส.ศิริกัญญา ระบุ