นายนิกร จำนง ประธานคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 กล่าวว่า กรณีการริเริ่มแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564 ที่พรรคก้าวไกลแสดงความเห็นสนับสนุนนั้นเป็นเพียงความเห็นของอนุกรรมการที่รับฟังความเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ซึ่งในวันที่ 20 พ.ย.นี้จะนำเสนอให้คณะกรรมการชุดใหญ่ที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานฯ พิจารณาอีกครั้ง ซึ่งต้องฟังและพิจารณาว่าจะมีความเห็นอย่างไร
สำหรับการเสนอให้แก้ พ.ร.บ.ประชามติ ในชั้นนิติบัญญัติ โดยพรรคการเมืองสามารถเสนอร่างแก้ไขให้สภาฯ พิจารณาได้ โดยไม่จำเป็นที่รัฐบาลต้องนำเสนอเอง ส่วนวิธีการนั้นเบื้องต้นเห็นว่าต้องเข้าสู่วาระพิจารณาของที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา เนื่องจาก พ.ร.บ.ประชามตินั้นถือว่าเป็นกฎหมายปฏิรูปประเทศ และใช้กลไกของที่ประชุมร่วมรัฐสภา และกรรมาธิการร่วมกันของรัฐสภาพิจารณา ดังนั้นหากจะแก้ไขต้องใช้กระบวนการของที่ประชุมร่วมกัน ซึ่งจะไม่ใช้เวลานาน
หากการแก้ พ.ร.บ.ประชามติเกิดขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบไทม์ไลน์การแก้รัฐธรรมนูญของรัฐบาล เพราะเป็นการแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ เพียงประเด็นเดียว คือ มาตรา 13 ว่าด้วยหลักเกณฑ์ที่จะเป็นเงื่อนไขของการผ่านประชามติ คือ ต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิออกเสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ และเสียงเห็นชอบต้องเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ ดังนั้นจึงเชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นาน แต่จะไม่ถึงขั้นต้องใช้การพิจารณา 3 วาระรวด เนื่องจากขณะนี้มีประเด็นพิจารณาที่อยากให้แก้ไข คือ แก้ไขให้ใช้เกณฑ์เสียงข้างมากของเสียงที่เห็นชอบหรือมีเงื่อนไข เช่น 25% ของผู้ลงคะแนน เป็นต้น ดังนั้นต้องใช้เวลาพิจารณาให้รอบคอบ