นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดใหม่ว่า หลังจากการประชุม กก.บห.พรรคชุดรักษาการเมื่อวันที่ 14 พ.ย.66 ได้มีการพูดคุยในหลายประเด็น ทั้งในส่วนการเลือกตั้ง กก.บห. และการจัดประชุมใหญ่วิสามัญฯ ที่ขณะนี้ชัดเจนว่าจะจัดขึ้นในวันที่ 9 ธ.ค.66 ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ ตั้งแต่เวลา 08.30 น.
ขณะที่มีการนำเสนอข่าวเรื่องการกำหนดเพิ่มองค์ประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคซึ่งมีความคลาดเคลื่อนไปบ้างในประเด็นการกำหนดเพิ่มองค์ประชุม โดยที่ประชุม กก.บห.ได้กำหนดให้มีการแต่งตั้งสมาชิกพรรคตามข้อบังคับพรรคที่ 88 (19) คือ ให้มีสมาชิกพรรคเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งหมายถึงการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือก กก.บห.พรรค การเพิ่มจำนวนองค์ประชุมนั้นไม่ได้เป็นการแก้ไขข้อบังคับพรรค แต่เป็นการเพิ่มเติมองค์ประชุมที่เป็นสมาชิกพรรคและเป็นไปตามข้อบังคับพรรคทุกประการ
โดยจำนวนที่ กก.บห.พรรคชุดรักษาการได้กำหนดคือ 150 คน ซึ่งมาเป็นการเปิดให้สมาชิกพรรคจากทุกภาคของประเทศ ที่เป็นสมาชิกมาจนถึงวันที่ 14 พ.ย.66 และได้เปิดให้สมัครเป็นองค์ประชุมสำรองใน 2 ช่องทาง ทั้งระบบออนไลน์ และเดินทางมาสมัครด้วยตนเองที่สำนักงานใหญ่ โดยเริ่มสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ (18 พ.ย.66) จนถึงวันที่ 22 พ.ย.66 เวลา 16.30 น. หลังจากนั้นพรรคได้รวบรวมรายชื่อเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 24 พ.ย.66 และประกาศรายชื่อองค์ประชุมสำรองทางเพจพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 25 พ.ย.66
"ขอเชิญสมาชิกพรรคทุกภาคที่ต้องการเข้ามามีส่วนร่วมกับพรรค ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญที่ต้องการให้สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมกับพรรคการเมืองอย่างกว้างขวาง ผมคิดว่า 150 คนเมื่อสมัครมาแล้ว การทำหน้าที่ในองค์ประชุมใหญ่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญของพรรคการเมือง" นาราเมศ กล่าว
โฆษก ปชป.กล่าวว่า องค์ประชุมในการประชุมใหญ่วิสามัญฯ ตามกฎหมายพรรคการเมือง มาตรา 39 ได้กำหนดให้องค์ประชุมใหญ่ต้องมีจำนวนรวมกันทั้งหมดไม่น้อยกว่า 250 คน ซึ่งข้อบังคับพรรคได้กำหนดองค์ประชุมไว้ทั้งหมด 19 กรณี โดยกรณีที่ 1-18 นั้น ได้กำหนดไว้จำนวน 346 คน แต่ กก.บห.ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อออกระเบียบเพื่อกำหนดกฎเกณฑ์กติกา กรณีที่องค์ประชุมไม่ครบ 250 คน ก็จะมีการนำองค์ประชุมสำรองที่พรรคกำลังรับสมัครจำนวน 150 คน เพิ่มให้ครบตามจำนวน 250 คน และให้เพิ่มอีก 10 คนเสมอ ซึ่งเป็นการกำหนดเพื่อให้การประชุมสามารถดำเนินการให้ความสำเร็จลุล่วงไปได้
"ผมเชื่อว่าการกำหนดเพิ่มองค์ประชุมสำรองได้เคยมีการทำมาแล้วหลายครั้ง แต่ครั้งนี้อาจมีเหตุผลพิเศษ เพราะการประชุม 2 ครั้งที่ผ่านมาไม่ครบ ทำให้ต้องหาวิธีการเพื่อให้การประชุมสำเร็จลุล่วงไปได้ สำหรับสัดส่วนน้ำหนักคะแนนยังคงเป็นแบบ 70:30 เช่นเดิม เพราะยังไม่ได้มีการแก้ไข หรือของดเว้นจากสมาชิกพรรค" นายราเมศ กล่าว
ส่วนการเสนอชื่อเข้าชิงเป็นหัวหน้าพรรคนั้น ขณะนี้มีผู้มีคุณสมบัติหลายคน ซึ่งทุกคนสามารถเข้าสู่การแข่งขันได้ และถือว่าเป็นสีสันในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคในครั้งนี้ด้วย ตามที่สื่อมวลชนมีการคาดการณ์ผู้ลงแข่งขันเพื่อเป็นหัวหน้าพรรค และเมื่อได้หัวหน้าพรรคคนใหม่แล้วก็เชื่อว่าจะเกิดกระบวนการฟื้นฟูพรรคให้ก้าวไปข้างหน้า มีการพัฒนาให้กลับเข้าสู่การเมืองอีกครั้ง
"ผมเชื่อว่าความเป็นเอกภาพ ความร่วมมือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเป็นสิ่งสำคัญ แต่ ณ เวลานี้ยังคาดการณ์ไม่ได้ว่าใครจะเป็นหัวหน้าพรรค แต่เมื่อผ่านกระบวนการเลือกตั้งแล้วก็จะได้เห็นทั้งผู้ที่เป็นหัวหน้าพรรค และองคาพยพที่จะได้มาร่วมกันทำงานให้กับพรรคต่อไป เมื่อทุกคนมีภาระหน้าที่แล้ว ก็จะเป็นความท้าทายที่นำทางให้ประชาธิปัตย์ไปสู่อนาคตที่ดีต่อไป" นายราเมศ กล่าว
โฆษก ปชป. กล่าวว่า กระบวนการให้มีองค์ประชุมสำรองทำให้หมดห่วงเรื่ององค์ประชุมล่ม เมื่อการประชุมสามารถดำเนินไปได้ สิ่งที่ตามมาก็จะมีการเลือกหัวหน้าพรรคและ กก.บห.พรรคได้ต่อไป แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร พรรคก็จะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มที่ และเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ ไม่จำเป็นต้องพูดทุกเรื่องก็ได้ สิ่งไหนที่รัฐบาลทำในสิ่งที่ดี เราก็ต้องเห็นด้วยกับรัฐบาล แต่สิ่งไหนที่รัฐบาลทำไปไม่ถูกต้อง ก็ต้องมีการติติง และบางเรื่องที่ฝ่ายค้านมืออาชีพจะต้องเก็บข้อมูลไว้ ทำให้ยังเปิดเผยสู่สาธารณะไม่ได้ แต่จะต้องรอดูในวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ