นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า กรณีที่รัฐบาลแถลงแก้ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นเรื่องดี แต่ต้องเข้าใจต้นเหตุก่อนว่าคนติดหนี้นอกระบบ ยอมโดนดอกเบี้ยโหด เพราะกู้ในระบบไม่ได้ ติดแบล็กลิสต์ ธนาคารไม่ปล่อยกู้ให้ ต่อให้จ่ายหนี้หมดแล้ว ก็ยังกู้ใหม่ไม่ได้ เนื่องจากมีประวัติเคยค้างจ่ายยังติดอยู่ในระบบข้อมูลเครดิตถึง 3 ปี
การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบในยุคนี้ต้องแก้กฎหมายเครดิตบูโรควบคู่ด้วย เช่น ชำระหนี้หมดแล้วต้องลบข้อมูลหนี้บัญชีนั้นทันที หรือกลับมาจ่ายได้ปกติหกเดือนติดต่อกันก็ควรลบข้อมูลค้างเก่าในบัญชีนั้นเสีย ลูกหนี้จะได้มีโอกาสกู้ในระบบได้บ้าง
นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า สถานการณ์หนี้ของประชาชนขณะนี้หนักหน่วงผิดปกติ ก่อนโควิด-19 มีคนกู้ในระบบไม่ได้ ที่เรียกว่าติดแบล็คลิสต์อยู่ 2 ล้านคน ปัจจุบันมีถึง 5 ล้านคน ถ้าคนกลุ่มนี้กู้ไม่ได้ ไม่มีทางเลือก ในที่สุดก็ต้องเข้าสู่วงจรหนี้นอกระบบ แนวทางแก้ไขที่สามารถทำได้ คือการเพิ่มโอกาสเข้าถึงสินเชื่อ ด้วยร่างกฎหมายปฏิรูปเครดิตบูโร
ขณะนี้ตนพร้อมด้วยเครือข่ายนักการเงิน ภาคประชาชน ร่วมกันเตรียมเว็บไซต์ changeblacklist เหลือเพียงรอประธานสภาฯ อนุมัติ ก็จะรวบรวมรายชื่อประชาชนไม่น้อยกว่า 10,000 รายชื่อ คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้เร็วๆ นี้ โดยขอให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลร่วมสนับสนุนร่างกฎหมายนี้ เป็นกลไกแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ
"ปัจจุบันสถาบันการเงินแชร์ข้อมูลระหว่างกัน เป็นประวัติลูกค้าดีบ้างเสียบ้างยาวนาน 3 ปี ควรแทนด้วยระบบคะแนนเครดิต Credit Scoring ใครคะแนนเครดิตดีได้ดอกเบี้ยต่ำ ใครคะแนนเครดิตต่ำได้ดอกเบี้ยสูง ถ้าทำแบบนี้จะเกิดการแข่งขันเรื่องดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ และการรีไฟแนนซ์กันไปมาได้ ทำให้ประชาชนมีทางเลือกเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้นและเป็นธรรมต่อทั้งลูกค้าและสถาบันการเงิน" นายอรรถวิชช์ กล่าว