สส.พรรคก้าวไกล นำโดยนายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี สส.บัญชีรายชื่อ และนายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ ยื่นกฎหมายสิ่งแวดล้อมต่อสภาฯ 4 ฉบับ ครอบคลุมจัดการขยะ-รายงานปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม-การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ-ฝุ่นพิษและมลพิษข้ามพรมแดน ประกอบด้วย
1. ร่าง พ.ร.บ.การจัดการขยะและการหมุนเวียนทรัพยากร เป็นการบูรณาการด้านการบริหารจัดการขยะทุกประเภท จากเดิมเป็นการบริหารโดยยึดติดกับภารกิจ แบ่งแยกตามหน่วยงาน เช่น ขยะที่เกิดขึ้นจากโรงงาน จะถูกกำหนดว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม แม้ว่าขยะนั้นจะมีลักษณะหรือมีองค์ประกอบที่เหมือนกับขยะชุมชน
ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ จะจำแนกประเภทของขยะตามลักษณะ แบ่งเป็น ขยะอันตราย ขยะไม่อันตราย และขยะติดเชื้อ ที่สำคัญนี่จะเป็นร่าง พ.ร.บ. ฉบับแรกของประเทศที่นำหลักการ "ลำดับขั้นการจัดการขยะ" (Waste Hierarchy) มาใช้ แบ่งเป็น 5 ลำดับ คือ 1) การลดการเกิดขยะ หรือ Reduce เป็นสิ่งที่เราต้องการทำมากที่สุด 2) การใช้ซ้ำ หรือ Reuse 3) การนำกลับมาใช้ใหม่ หรือ Recycle 4) การนำขยะนั้นมาใช้ประโยชน์เป็นเชื้อเพลิง (Waste to Energy) และ 5) การกำจัด หรือ Disposal เช่น การฝังกลบ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่ต้องการให้เกิดขึ้น
2. ร่าง พ.ร.บ.การรายงานการปล่อยและเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม (PRTR) เป็นการปรับปรุงจากร่างเดิม โดยมีเนื้อหากำหนดให้มีการรายงานและเปิดเผยข้อมูลการปล่อยและการเคลื่อนย้ายสารมลพิษ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ เช่น ปริมาณสารเคมีหรือมลพิษที่เกิดขึ้น หรือหากต้องนำสารเคมีหรือของเสียไปบำบัดกำจัดภายนอกโรงงานหรือนอกโครงการ ก็ต้องทำรายงานด้วยเช่นกัน และเปิดเผยต่อสาธารณะ
ข้อดีของกฎหมายนี้ คือจะช่วยในการปกป้องและรับรองสิทธิ์ของชุมชนและประชาชนในการเข้าถึงและรับรู้ ตรวจสอบข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมและสารเคมีอันตราย ขณะเดียวกัน ประชาชนสามารถประเมินความเสี่ยงว่าควรอยู่อาศัยหรือสร้างบ้านเรือนใกล้เคียงกับพื้นที่อันตรายเหล่านั้นหรือไม่ ขณะเดียวกัน รัฐสามารถใช้ประโยชน์จากกฎหมายนี้ในการเตรียมความพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้น เช่น กรณีอุบัติภัยโรงงานหมิงตี้ที่ผ่านมา
3. ร่าง พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จำกัดปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ
พรรคก้าวไกล ให้ความสำคัญกับการดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงร่างกฎหมายฉบับนี้เพื่อครอบคลุมและบรรเทาผลกระทบ ด้วยการลดปริมาณการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ โดยกำหนดเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้รวดเร็วยิ่งขึ้น และมีมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ เช่น การกำหนดเพดานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มากำกับและสนับสนุนอย่างชัดเจน
ขณะเดียวกัน ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ ยังเน้นการเตรียมพร้อมรับมือและปรับตัวกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะในภาคการเกษตร ซึ่งเป็นภาคที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด และการมีร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถเตรียมความพร้อมรับมืออย่างเป็นระบบ ครอบคลุม และทันการณ์มากขึ้น
4. ร่าง พ.ร.บ.ฝุ่นพิษและการก่อมลพิษข้ามพรมแดน กำหนดโทษผู้ประกอบการที่ก่อมลพิษต้องรับผิดชอบ
พรรคก้าวไกลเห็นว่าการแก้ไขปัญหา ต้องแก้ทั้งโครงสร้าง ส่วนสำคัญที่สุดของโครงสร้างคือชั้นฐานราก ซึ่งก็คือกฎหมายที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาทำได้อย่างยั่งยืน
ร่างกฎหมายอากาศสะอาดที่เสนอโดยกลุ่มอื่นๆ จะพูดถึงสิทธิในการเข้าถึงอากาศสะอาดของประชาชน พูดถึงการคุ้มครองประชาชนในการฟ้องร้องผู้ที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศทั้งจากในและต่างประเทศ แต่ประเด็นที่ร่างของพรรคก้าวไกลแตกต่างออกไป คือจะให้ผู้ประกอบการจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ที่ต้องครอบคลุมทั้งระบบตั้งแต่ต้นสายถึงปลายสาย เช่น กรณีข้าวโพดอาหารสัตว์ ถ้าจะนำเข้าต้องมีรายงานระบุชัดเจนว่ามาจากแหล่งใด และแหล่งดังกล่าวมีวิธีกำจัดเศษวัสดุทางการเกษตรอย่างไร ขนส่งด้วยวิธีใด และสุดท้ายการผลิตสินค้าในโรงงานมีการปล่อยมลพิษทางอากาศอย่างไรบ้าง บางคนอาจมีคำถามว่า หากมีการทำรายงานเท็จ หรือมีปัจจัยในต่างประเทศที่เราควบคุมไม่ได้ จะทำอย่างไร จึงเป็นที่มาของระบบการติดตามย้อนกลับโดยภาพถ่ายทางดาวเทียมที่ระบุในร่างกฎหมายนี้ เพื่อพิสูจน์ว่ารายงานที่ผู้ประกอบการทำนั้น ถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ และโทษบังคับใช้ต้องชัดเจน ผู้ใดที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศในประเทศไทย ไม่ว่าจากในหรือต่างประเทศ ต้องมีความผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา
ที่สำคัญพรรคก้าวไกลยังมองว่า การลงโทษทางสังคมก็ต้องมีเช่นกัน เราต้องมีการเปิดเผยข้อมูลผู้ประกอบการที่เป็นผู้ก่อให้เกิดมลพิษทั้งในและต่างประเทศ ให้สังคมได้ตัดสินว่าจะสนับสนุนผู้ประกอบการเหล่านี้ต่อไปหรือไม่
นอกจากนี้ สิ่งที่จะลืมไม่ได้เลยคือการแจ้งเตือน ที่ผ่านมาประชาชนในพื้นที่ที่เกิดฝุ่นพิษ เช่น จังหวัดเชียงใหม่ เคยได้รับการแจ้งเตือนจากภาครัฐสักครั้งหรือไม่ การแจ้งเตือนจะระบุให้ชัดเจนในร่าง พ.ร.บ. นี้ ว่าหากมีค่า PM2.5 เกินกว่าค่ามาตรฐาน มากกว่า 24 ชั่วโมง ต้องมีการแจ้งเตือนเฉพาะพื้นที่ให้ประชาชนรับทราบโดยทั่วกัน
"ถ้า 10 ปีที่แล้วเรามีการแจ้งเตือน จะมีประชาชนกี่คนที่ตระหนักและตื่นรู้ถึงภัย PM2.5 และจะมีอีกกี่คนที่ไม่ต้องเป็นมะเร็งปอด ด้วยสาเหตุที่ว่าไม่รู้จัก PM 2.5 นี่คือความสำคัญของการแจ้งเตือน" นายภัทรพงษ์ กล่าว
การร่างกฎหมายคือขั้นต้นของการแก้ปัญหา PM2.5 ทั้งโครงสร้างผ่านกลไกนิติบัญญัติ ส่วนฝ่ายบริหาร เราต้องตรวจสอบการทำงานอย่างเข้มข้นเช่นกันตามแนวทางฝ่ายค้านเชิงรุก โดยตั้งแต่วันที่รัฐบาลแถลงนโยบายเมื่อ 12 ก.ย. จนถึงวันนี้ ยังไม่เห็นมาตรการใดใดที่แน่ชัด รวมถึงยังไม่เห็นมาตรการเรื่องการจัดการข้าวโพดอาหารสัตว์ที่นำเข้ามาที่แตกต่างไปจากรัฐบาลเดิม
โดยทั้ง 4 ฉบับเป็นชุดนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมชุดแรกที่จะนำเสนอเข้าสู่สภาฯ ตามนโยบายที่พรรคก้าวไกลได้หาเสียงกับประชาชน
"ทั้งหมดนี้เป็นแนวทางของก้าวกรีน ทีมสิ่งแวดล้อมของพรรคก้าวไกล ที่จะทำให้ก้าวต่อไปก้าวไกลกว่าเดิม" นายภัทรพงษ์ กล่าว