นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดเรื่อง "ตั๋วตำรวจ" ต่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้มาตอบแทน ซึ่งนายรังสิมันต์ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดนายกรัฐมนตรี จึงไม่เคยว่างทุกวันพฤหัส ดังนั้นจึงต้องการให้มีการหารือกัน เพื่อขยับวันในการตั้งกระทู้ถาม ไม่เช่นนั้นสภาฯ จะไม่มีโอกาสตั้งกระทู้ถามนายกฯ
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า นายเศรษฐาได้กล่าวในที่ประชุมของพรรคเพื่อไทย ถึงการแต่งตั้งนายตำรวจตำแหน่งผู้กำกับการ ซึ่งนั่นหมายความว่ามี สส.ของพรรคเพื่อไทยจำนวนมาก มาขอตำแหน่งผู้กำกับการจากนายกฯ ดังนั้นหากมีการให้ผลประโยชน์เพื่อให้มีการแต่งตั้งดำรงตำแหน่ง จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หากนายกฯ ยังนิ่งเฉย ก็จะมีความผิดตามมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
ทั้งนี้ ตนในฐานะประธานกรรมาธิการความมั่นคง ได้เคยเชิญนายกฯ มาชี้แจงเรื่องนี้ แต่กลับส่งนายสมศักดิ์ มาชี้แจงแทน และไม่สามารถชี้แจงข้อเท็จจริงหลายข้อได้ เพราะไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ดังนั้นจึงขอถามนายกฯว่าสุดท้ายแล้วจะไม่จัดการในเรื่องดังกล่าวใช่หรือไม่ เพื่อให้สังคมเกิดความสบายใจ การแต่งตั้งโยกย้ายควรเป็นไปด้วยหลักธรรมาภิบาล การแข่งขันด้วยความสามารถตามที่เขียนไว้ใน พ.ร.บ.ตำรวจ
ขณะที่นายสมศักดิ์ ได้ชี้แจงว่า นายกฯ ต้องเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ต่างประเทศ อย่างไรก็ดี ตามที่ตั้งกระทู้ถามในคำพูดของนายกฯ เมื่อวันที่ 21 พ.ย.นั้น เป็นการพูดอย่างกระชับ ซึ่งทำให้สังคมเข้าใจไปในทิศทางหนึ่ง แต่ถูกนำไปขยายผลทางการเมืองเชิงลบ
"การนำคำพูดไปตีความ ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชนส่วนรวม จากที่ผมได้เห็นเอกสาร และแนวทางที่นายกฯ เข้ามาเพื่อตั้งใจแก้ปัญหาบ้านเมือง แต่คำพูดที่เกิดขึ้น สามารถถูกนำไปตีความได้ ซึ่งนายกฯ ได้ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าไม่สามารถแทรกแซงการแต่งตั้งได้ เพราะมีกฎหมายตำรวจกำกับการใช้อำนาจของนายกฯ ไว้" นายสมศักดิ์ ชี้แจง
จากนั้นนายรังสิมันต์ ได้ตั้งคำถามถึงประเด็นการทำนโยบายเพื่อขจัดการโยกย้ายตำแหน่งที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งที่ผ่านมา พบว่า พ.ต.อ.ธเนศ สุขชัย ผู้กำกับ ตม.ภูเก็ต ได้ทำจดหมายลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากได้รับความไม่เป็นธรรมจากการแต่งตั้งโยกย้าย รวมถึงกรณีที่พบว่ามีการระบายความอึดอัดของตำรวจในพื้นที่ต่างๆ ที่สะท้อนถึงปัญหาการแต่งตั้งที่ไม่เป็นธรรม
นายสมศักดิ์ ชี้แจงว่า การวิจารณ์เรื่องการโยกย้ายตำแหน่งในพื้นที่ จ.ภูเก็ต เพราะมีข้อมูลไม่ครบถ้วน ซึ่งการพิจารณาดังกล่าวต้องใช้เกณฑ์ความรู้ความสามารถ และการครองตำแหน่ง ทั้งนี้ กรณีของ พ.ต.อ.ธเนศ ที่ย้ายไปเป็น ผกก. ตม.ประจวบคิรีขันธ์ และให้ พ.ต.อ.เกรียงไกร อาริยะยิ่ง ผกก.ตม.นครพนม เข้ามาแทนนั้น หากพิจารณาจากความอาวุโส พบว่า พ.ต.อ.ธเนศ มีอาวุโส 6 ปี ขณะที่ พ.ต.อ.เกรียงไกร อาวุโส 15 ปี ดังนั้นหากพิจารณาการโยกย้ายตามความอาวุโส ก็ไม่ได้เป็นที่น่าสงสัย หรือผิดปกติแต่อย่างใด