นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีถูกมองว่าเข้าไปเกี่ยวข้องกับการออกระเบียบใหม่ของกรมราชทัณฑ์ เรื่องการคุมขังนอกเรือนจำว่า การจำแนกผู้ต้องขัง และมีที่คุมขังนอกเรือนจำนั้น เป็นการดำเนินการตามหลักสากล และเป็นกฎหมายที่ออกมาก่อนที่ตนจะเป็น รมว.ยุติธรรม และเมื่อเข้ามาเป็น รมว.ยุติธรรม ก็ได้ออกกฎกระทรวง มาตรา 33 เรื่องการจำแนกพฤติกรรม การรักษาพยาบาล ตลอดจนการเตรียมพร้อมก่อนปล่อยตัวผู้ต้องขัง ในปี 2563
ต่อมามีข้าราชการ อดีตข้าราชการ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนได้เข้ามาหาตน เพื่อขอให้มีที่คุมขังนอกเรือนจำ ทั้งกับนักโทษ ผู้ต้องขัง หรือผู้ที่ถูกกล่าวหา ที่ไม่ควรจะต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ ซึ่งตนก็เห็นด้วย จึงให้ปลัดกระทรวงยุติธรรม และคณะทำงานของกระทรวงไปดำเนินการเรื่องนี้ แต่ยังไม่ทันเสร็จเรื่อง ตนก็ได้ลาออกจาก รมว.ยุติธรรมก่อน ซึ่งทำให้มีกระแสข่าวออกมาว่า มีการเอื้อประโยชน์กับผู้ต้องขังรายใดรายหนึ่งหรือไม่ ซึ่งตนได้ชี้แจงไปว่า ไม่ใช่ แต่เป็นกระบวนการยุติธรรมที่อยู่ในกรอบสากล
ส่วนที่มีการมีตั้งข้อสังเกตว่าการที่ตนได้กลับมาพรรคเพื่อไทย เพราะมีการเอื้อประโยชน์กันในส่วนนี้นั้น นายสมศักดิ์ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นเช่นั้น เพราะถ้าคิดว่าจะต้องเข้าพรรคเพื่อไทย ตนคงทำให้เสร็จตอนนั้นไปแล้ว แต่ตนไม่ได้คิดแบบนั้น เป็นพัฒนาการของกฎหมายจากปี 2560 ไม่ได้คิดว่าจะไปอยู่พรรคการเมืองไหน แต่กฎหมายมันพัฒนาไปเข้าสู่ความเป็นสากล
"ยืนยันว่า นี่คือพัฒนาการของกฎหมาย และเป็นโอกาสของประเทศ โชคดีที่มีกรณีสำคัญตรงนี้ที่ทำให้คนสนใจ และได้ออกมาอธิบาย แต่เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์เริ่มเดินไปในอีกทิศทางหนึ่ง จึงต้องพูดให้สังคมเข้าใจ และกรมราชทัณฑ์ไม่ได้มีอำนาจใหญ่กว่าศาล" นายสมศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่ากรณีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเข้าเกณฑ์ของกรมราชทัณฑ์ที่ออกมาใหม่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เข้าเกณฑ์ เพราะเท่าที่ดูคือมีโทษไม่เกิน 4 ปี และไม่ใช่บุคคลที่อยู่ในข่ายสิ่งที่น่ากลัวของสังคม แต่เป็นโทษในลักษณะที่ไม่ได้เป็นภัยต่อสังคม จึงสามารถอยู่ในที่คุมขังได้ และเป็นโทษที่มีจำนวนน้อยกว่า 1 ปี
"โชคดีที่ได้เอาเคสนี้มาอธิบายต่อสาธารณะ เพราะมี VIP อยู่ตรงนี้ ทำให้คนสนใจติดตาม แต่ไม่ได้ทำเฉพาะกรณีนี้ หรือเป็นการเอื้อประโยชน์" นายสมศักดิ์ กล่าว
ส่วนของการรักษาตัวนอกเรือนจำเกิน 120 วัน ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า อยู่ในความเห็นของแพทย์ และอำนาจของกระทรวงยุติธรรม
เมื่อถามว่าจะสามารถเปิดเผยแค่ชื่อโรคของนายทักษิณ ได้หรือไม่ นายสมศักดิ์ ยืนยันว่าส่วนนี้เป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์
ด้านนายวัชระ เพชรทอง อดีตสส. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ส่งหนังสือถึง พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เพื่อขอให้ระงับยับยั้งการที่จะส่งตัวนายทักษิณ ไปคุมขังนอกเรือนจำ เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า นายทักษิณ ซึ่งขณะนี้ไปรักษาตัวนอกเรือนจำที่ รพ.ตำรวจ ตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.66 จนถึงปัจจุบัน ไม่ได้มีอาการเจ็บป่วยจริง แต่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ นั่งดื่มไวน์ และมีข่าวว่าไม่ได้พักรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจ ตลอดเวลา
พร้อมขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนลงโทษอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ข้าราชการกรมราชทัณฑ์ เนื่องจากนายทักษิณ ไม่ได้กรอกแบบประวัตินักโทษเหมือนนักโทษรายอื่น รวมทั้งมีการรายงานเท็จและช่วยเหลือไปรักษาพยาบาลนอกเรือนจำ