นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ว่า พรรคก้าวไกลได้เตรียมทำการบ้านไว้แล้ว โดยประเด็นหลักที่จะต้องพิจารณาและตรวจสอบ คือร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ที่จัดทำขึ้นใหม่ได้ยึดโยงกับนโยบายของรัฐบาลที่ตั้งเป้าและเคยแถลงไว้หรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้จะสะท้อนสภาวะการทางการเมืองที่เป็นจริงในการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้
ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าการจัดทำร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ของรัฐบาลไม่ตรงปกนั้น ย้ำว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาที่เห็นได้ชัดเจน ว่าตั้งแต่การแถลงนโยบาย แผนงานรายกระทรวง และร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ฉบับนี้ ไม่สะท้อนนโยบายและเป้าหมายของรัฐบาลเลย ดังนั้นตลอดระยะเวลา 3 วัน รัฐบาลคงได้อภิปราย ชี้แจง และวิพากษ์วิจารณ์ให้เห็นรายละเอียด
ส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้าน ก็จะมีข้อเสนอแนะให้รัฐบาล จึงเชื่อมั่นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารงานของรัฐบาล และประชาชน การประชุมพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ตั้งแต่วันที่ 3-5 ม.ค.นี้ ฝ่ายค้านและรัฐบาลจึงได้แบ่งเวลากันฝั่งละประมาณ 20 ชั่วโมง เพื่อให้มีระยะเวลาอภิปรายได้อย่างเต็มที่
ส่วนกรณีที่ประมาณการการจัดเก็บรายได้น้อยกว่ารายจ่าย ทำให้รัฐบาลต้องกู้เงินกว่า 600,000 ล้านบาท และจะมีการกู้เงินเพิ่มอีก 500,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ตด้วยนั้น นายชัยธวัช มองว่า ปัญหาคงจะมีหลายส่วน ตั้งแต่การประมาณการรายได้ที่น่าจะเกินจริงไป ขณะเดียวกัน การกำหนดงบประมาณรายจ่ายก็น่าจะไม่พอกับรายจ่ายที่เป็นจริงด้วย ซึ่ง 2 เรื่องนี้เป็นปัญหาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่สร้างภาระให้รัฐบาลชุดหลังจะต้องมีรายจ่ายนำมาคืนคลัง จึงเป็นประเด็นที่เราจะต้องอภิปรายด้วยในสภา
ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า เป้าหมายในวาระแรก ย้ำว่าจะทำให้เห็นภาพรวมปัญหาใหญ่ๆ ส่วนวาระที่ 2 จะเป็นรายละเอียดของแต่ละกระทรวง และจะตรวจสอบว่าการกำหนดงบประมาณไว้ว่ามีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ และคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งข้อจำกัดของสภาผู้แทนราษฎร คือ การตัดงบประมาณได้อย่างเดียว
ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะไม่มีการหยิบยกประเด็นของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นมาอภิปราย เพราะไม่ใช่ประเด็น ส่วนตัวมองว่าฝั่งรัฐบาลอาจจะร้อนตัวไปเอง แต่สิ่งที่จะต้องพูดถึงคือ พ.ร.บ.งบประมาณฯ ไม่ได้สะท้อนแค่ปัญหาในการดำเนินนโยบายอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังสะท้อนสภาวะการทางการเมืองที่เป็นจริงในการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้
พร้อมระบุด้วยว่า การจัดทำงบประมาณในครั้งนี้ ทำให้มองไม่เห็นอนาคตของประเทศ เพราะแทบไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญไปจากการจัดทำงบประมาณในสมัยรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์
"เราแทบไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญ นี่คือปัญหา ทั้งๆ ที่มีมติ ครม.ให้ทบทวนงบประมาณใหม่ตั้งแต่เดือนก.ย. 66 เป็นเวลา 3 เดือน แต่กลับใช้เวลา 3 เดือนได้อย่างน่าผิดหวังมาก" นายชัยธวัช ระบุ
ด้านนายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวว่า จากที่ได้ดูร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 แล้วรู้สึกหนักใจ เพราะเห็นปัญหาคือ ร่างดังกล่าวไม่แตกต่างจากปีที่แล้ว เหมือนเป็นการตัดแปะ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวลมาก เพราะประชาชนมีความคาดหวังกับรัฐบาลของนายเศรษฐ ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง ต้องไม่ทำงานแบบเดิมๆ แต่เท่าที่เห็น กลับเป็นแผนงานเดิมๆ
"ประชาชนรอการเปลี่ยนแปลงมา 9 ปี แต่ยังคงเห็นงบแบบเดิม เช่น งบฝากเลี้ยง และยังฝากเลี้ยงต่อมาเรื่อยๆ แบบนี้ประชาชนจะเห็นความเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร นโยบายในปัจจุบันก็ไม่ตรงปก งบประมาณก็ไม่ตรงปกอีก กระทรวงต่างๆ ก็ไม่ตอบโจทย์ในภารกิจหลัก" นายกัณวีร์ กล่าว
พร้อมระบุว่า ตนจะมีคิวอภิปรายในวันพรุ่งนี้ (4 ม.ค.) ในประเด็นเรื่องความมั่นคง ที่ไม่ใช่ความมั่นคงกระแสหลักเรื่องชายแดนเพียงอย่างเดียว แต่เป็นความมั่นคงของมนุษย์ โดยได้เตรียมความพร้อมในเรื่องกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งอยู่ในยุทธศาสตร์ชาติ
ส่วนการอภิปรายวันนี้ จะเป็นการอภิปรายในภาพรวมเกี่ยวกับเศรษฐกิจปากท้อง และสภาพแวดล้อมของประชาชน และพรุ่งนี้จะเป็นเรื่องความมั่นคงความเหลื่อมล้ำ ส่วนสุดท้ายจะเป็นเรื่องทรัพยากรมนุษย์ โดยฝ่ายค้านได้แบ่งหน้าที่และเวลา โดยพรรคก้าวไกล ได้เวลา 380 นาที, พรรคประชาธิปัตย์ ได้ 200 นาที, พรรคไทยสร้างไทย ได้ 60 นาที, พรรคเป็นธรรม ได้ 20 นาที ส่วน 3 พรรคเล็กที่เหลือจะได้พรรคละ 10 นาที โดยการอภิปรายจะมีการแบ่งตามความถนัดของแต่ละคน
"อยากเห็นการทำงานที่เป็นผลสัมฤทธิ์มากที่สุด เพราะใช้เงินภาษีจากประชาชน ซึ่ง 3 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลเข้ามาทำงานต้องสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ได้ แต่ขณะนี้ ยังไม่เห็นซึ่งเป็นการสะท้อนจาก พ.ร.บ.งบประมาณในครั้งนี้" นายกัณวีร์ กล่าว