บรรยากาศการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท ในวันแรก บรรยากาศเป็นไปอย่างราบรื่น มีการประท้วงบ้างประปราย หลังจากถูกกระตุ้นด้วยคำว่า "คุกทิพย์"
สำหรับวันนี้เริ่มต้นด้วยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ลุกขึ้นชี้แจงร่างงบประมาณ ซึ่งถือเป็นปีงบประมาณแรกที่ "รัฐบาลเศรษฐา" จะได้ใช้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ซึ่งนายกรัฐมนตรีใช้เวลาชี้แจงไปร่วม 1.40 ชั่วโมง
จากนั้น นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้ลุกขึ้นอภิปราย ชี้งบฯปี 67 จัดงบแบบเบี้ยหัวแตก ไร้ยุทธศาสตร์ หลายโครงการเป็นโครงการเดิม ๆ เป็นเหล้าเก่าในขวดใหม่ แถมเปรียบรัฐบาลเศรษฐา เป็นรัฐบาล ?รวมการเฉพาะกิจ? เพื่อมาแบ่งปันอำนาจ แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ชั่วคราว
ผู้นำฝ่ายค้าน ยังชี้ว่า แม้รัฐบาลมีเวลาปรับปรุงงบประมาณถึง 3 เดือน แต่กลับพบว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และตอกย้ำไปที่นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ที่เคยบอกว่า ไม่กู้ แต่วันนี้ชัดเจนว่าไม่พบการตั้งงบในร่างพ.ร.บ.งบปี 67 และรู้สึกผิดหวังกับการจัดทำงบของรัฐบาล
ที่พอเรียกสีสันได้ต้องยกให้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตรองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ สมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จัดหนัก เปิดอภิปรายด้วยการแซะว่า รัฐบาลจัดงบแบบ ?งบเป็ดง่อย? แถมเปรียบเปรยการจัดงบของรัฐบาล เป็นแบบ "ว่าแต่เขา อิเหนาทำหมด" ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มงบกลาง ในสัดส่วนงบสำรองจ่ายที่เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีเพิ่มขึ้น
เท่านั้นไม่พอ ยังเหน็บว่า งบประมาณฉบับนี้ จาก "คิดใหญ่ ทำเป็น" กลับมาเป็น "คิดกู้ ทำกู้" เพราะในงบ 67 กลับกู้เพิ่มขึ้นอีก 1 แสนล้านบาท
และที่พลาดไม่ได้ คือ เรื่องโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ที่ฝ่ายค้านหยิบยกมาอภิปรายเป็นเรื่องหลัก โดยนายจุรินทร์ ขอจองกฐินจะขอตรวจสอบเรื่องนี้ไปตลอด และฟันธงว่า การที่รัฐบาลประกาศจะตั้งงบเพื่อใช้หนี้ดิจิทัล วอลเล็ต เป็นเพียงวาทกรรมเท่านั้น
นายจุรินทร์ ยังตั้งข้อสังเกตการใช้งบของกระทรวงยุติธรรม พร้อมทั้งตั้งคำถามว่า ทำไมรัฐบาลปล่อยให้นักโทษบางคนเข้าคุกทิพย์มาแล้วกว่า 120 วัน แต่ไม่เคยติดคุกจริงแม้แต่วันเดียว จนทำให้นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วง เพราะคิดว่ากำลังจะพาดพิงถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แถมออกตัวแทนว่า นายทักษิณ ถูกกลั่นแกล้งและต้องไปอยู่ต่างประเทศ ถึง 17 ปีถึงได้กลับมาไทย ก่อนที่ประธานสภาฯ จะมาปรามไว้ และให้มีการอภิปรายต่อ
ด้านน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เปิดประเด็นว่า การจัดทำงบประมาณ ไม่เหมือนกับว่า ประเทศมีวิกฤตจริง เหมือนกับสร้างวิกฤติทิพย์ โดยหยิบยกจากงบกระทรวงกลาโหม ที่ในปี 68 งบกลับเพิ่มขึ้น เพราะทุกๆ ครั้งที่ประเทศเกิดวิกฤติ กระทรวงกลาโหมจะยอมหั่นงบของกระทรวงเพื่อประเทศ
น.ส.ศิริกัญญา ยังพูดเรื่องโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ที่ไม่มีการจัดไว้ในงบ 67 แม้แต่บาทเดียว แถมฝากความหวังไว้กับพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เปรียบเหมือน "เอาไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียว ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงสูงมาก หากไม่สามารถออก พ.ร.บ.กู้เงินได้ และเชื่อว่ารัฐบาลจะไม่สามารถจัดเก็บรายได้ได้ตามเป้าที่วางไว้ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ บรรดา สส.พรรคก้าวไกล ยังมีการลงรายละเอียดถึงการจัดสรรงบประมาณที่เป็นการรับมรดกมาจากรัฐบาลก่อน และเป็นการใช้งบประมาณแบบไม่ตรงปก เป็นการเพิ่มภาระหนี้
แถมยังมองว่า นายทักษิณ ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และมองนายทักษิณเป็น "นักสร้างสันติภาพ" เพราะแม้จะไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจ แต่ก็ยอมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
นอกจากนี้ ยังชี้แจงต่อด้วยว่า ในกรณีที่มีนักโทษออกนอกเรือนจำเพื่อไปรักษาตัวในโรงพยาบาล กฎหมายให้ถือว่าที่ดังกล่าวเป็นเรือนจำ "การอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมไม่สามารถไปไหนได้ ก็เหมือนเป็นการเสียเสรีภาพแล้ว"
นอกจากนี้ พ.ต.อ.ทวี ยืนยันด้วยว่า ไม่เคยไปเยี่ยมนายทักษิณ แต่ได้รับคำยืนยันจากแพทย์ว่า ป่วยจริง และมีอาการหนัก ซี่งการพักรักษาตัวเกินกว่า 120 วันนั้น อธิบดีกรมราชทัณฑ์ จะเป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบ โดยยึดความเห็นแพทย์ผู้รักษา และหลักฐานอื่นประกอบ ซึ่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน และเตรียมเสนอเรื่องมาให้ตนต่อไป