น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2567 ว่า มีรายจ่ายประจำปีถึง 72% แต่งบลงทุนมีแค่ 20.6% เท่านั้น ซึ่งเห็นได้ว่าการจัดงบประมาณรัฐบาลไม่ได้สอดคล้องกับการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ที่จะดูแลเรื่องปากท้อง หรือเรื่องหนี้สินของประชาชน
1.รัฐบาลจัดตั้งงบประมาณไว้สูง ซึ่งรัฐบาลต้องชี้แจงว่า ทำไมถึงมีการตั้งงบกลางสูงขึ้นกว่าปี 66 มีเรื่องซ่อนเร้นหรือมีโครงการสอดไส้ไว้หรือไม่ และงบกลางไม่มีรายละเอียดโครงการ และมีความเสี่ยงต่อการทุจริต ไม่โปร่งใส และฝ่ายนิติบัญญัติไม่สามารถตรวจสอบได้ หรือนายกรัฐมนตรีอาจจะเทงบกลางไปยังจังหวัดที่เลือกพรรคเพื่อไทยก็เป็นไปได้
2.แผนงาน โครงการขาดการเชื่อมโยงกับนโยบายรัฐบาล ซึ่งไม่มีความชัดเจนของแหล่งเงินที่ใช้ในการขับเคลื่อนของรัฐบาลสู่การปฏิบัติในนโยบายสำคัญเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องการแก้ปัญหาค่าครองชีพ การแก้ปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน และปัญหายาเสพติด จึงอยากให้รัฐบาลชี้แจงงบประมาณว่า จะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใน 1 ปี ได้อย่างไร
3.เงินนอกงบประมาณ สูงกว่าเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ซึ่งเงินนอกงบประมาณส่วนใหญ่ มาจากเงินกองทุนต่างๆตามที่กฏหมายกำหนดไว้ 130 กองทุน และเงินกองทุนหมุนเวียนจากกระทรวงการคลัง รวมถึงเงินสำรองจ่ายตามมาตรา 28 ตามพ.ร.บ.วินัยการเงิน มีทั่งสิ้น 4.42 ล้านล้านบาท สูงกว่างบประมาณรายจ่ายประจำปี 3.85 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ เงินนอกงบประมาณ ไม่สามารถตรวจสอบได้เหมือนกับงบกลาง ดังนั้นจึงควรนำเงินนอกงบประมาณ มาอยู่ในเงินรายจ่ายประจำปี เพื่อสามารถตรวจสอบได้
น.ส.สุพัชรี ยังกล่าวถึงงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ ที่มีการเพิ่มงบจากปี 66 ประมาณ 1,000 ล้านบาท และมีนโยบาย 1 นักเรียน 1 แทปเลต 1 ครู 1 แทปเลต ซึ่งไม่ใช่นโยบายใหม่ แต่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีก และเป็นนโยบายแบบเดียวกับรัฐบาลในปี 54 ซึ่งเป็นปัญหาของคุณภาพแทปเลต อาจมีการล็อกสเปค หรือฮั้วประมูล จึงเห็นว่านโยบายนี้ไม่มีความจำเป็น แต่ควรนำเงินจัดซื้อแทปเลตไปเพิ่มการขยายค่าอาหารกลางวันให้กับเด็กนักเรียนยากจน
ในช่วงท้าย น.ส.สุพัชรี ได้เปิดคลิปในที่ประชุมสภาฯ ซึ่งเป็นคลิปที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ไปสัมภาษณ์ในรายการหนึ่ง เกี่ยวกับประเด็นเงินดิจิทัลวอลเล็ต ที่ยืนยันว่า โครงการนี้ไม่ต้องกู้เงิน เพราะในงบประมาณปี 67 จะเก็บเพิ่มได้ 2.6 แสนล้านบาท สำนักนายกรัฐมนตรีก็มีงบแสนล้าน และกระทรวงการคลัง ก็มีทุนสำรองจ่ายที่มาใช้ได้ ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท
โดย น.ส.สุพัชรี ตอกย้ำไปว่า เมื่อนายกรัฐมนตรียืนยันว่า "ไม่กู้" ทำไมถึงไม่เอาใส่ในงบประมาณปี 67 แต่ตั้งใจจะออก พ.ร.บ.เงินกู้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า จะไปสร้างภาระหนี้ให้กับประชาชน และทำให้ประชาชนเป็นหนี้ถ้วนหน้าใช่หรือไม่
"ดิฉัน และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ขอบอกกับทุกคนว่า เราไม่อาจเชื่อมั่นกับคำพูด ไม่อาจเชื่อมั่นในการบริหารประเทศ ในการบริหารงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ของท่านนายกฯ ผู้นำแฟชั่นท่านนี้" น.ส.สุพัชรี กล่าว