บรรยากาศการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท ในวันที่ 2 บรรยากาศไม่คึกคักมากนัก โดย สส.พุ่งเป้าไปที่งบความมั่นคง ทั้งกองทัพ ตำรวจ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กระทรวงศึกษาธิการ ปัญหา PM2.5 ปัญหาน้ำประปา เป็นต้น โดยส่วนใหญ่เป็น สส.ในซีกรัฐบาลจะขึ้นมาอภิปรายสนับสนุนงบประมาณมากกว่าฝ่ายค้าน
เปิดด้วยการอภิปรายของ นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส. เชียงใหม่ พรรคก้าวไกล ที่เน้นไปที่การแก้ปัญหา PM 2.5 ของรัฐบาล ที่แม้รัฐบาลจะหยิบยกเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ แต่กลับมองว่าจัดงบไม่สอดคล้องกับสภาพปัญหา พร้อมทั้งเสนอแนะการแก้ปัญหาทั้งโครงสร้างด้วยโมเดลตึก 5 ชั้น ตั้งแต่เรื่องการแก้กฏหมาย การดูแลด้านสาธารณสุข การแก้ปัญหาไฟจากภาคเกษตร และไฟป่า การแจ้งเตือนและการเก็บข้อมูล และปิดท้ายที่ศูนย์บัญชาการ คือ รัฐบาลที่อยากให้จริงจังกับการแก้ปัญหานี้
"หากไม่ลงมือจริงจัง คงต้องจุดธูป 16 ดอกขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยให้ภัยธรรมชาติเบาบางลงไปเอง เพราะถ้าธรรมชาติปราณี ประชาชนก็พ้นภัย แล้วก็ต้องไปสวดมนต์อ้อนวอน ขอให้นายทุนเลิกนำเข้าสินค้าที่มาจากการเผาด้วย"นายภัทรพงษ์ กล่าว
ต่อด้วย สส.หญิง พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ น.ส.สุพัชรี ธรรมเพชร กังวลงบกระทรวงศึกษาธิการที่เทหน้าตักไปกับนโยบาย 1 นักเรียน 1 แทปเลต 1 ครู 1 แทปเลต ที่เหมือนเป็นการไปฟื้นนโยบายเก่าตั้งแต่ ปี 54 ที่เกิดปัญหาฮั้วประมูล
จากนั้นยังชวนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ฟื้นความจำโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ด้วยการนำคลิปในช่วงที่นายเศรษฐาไปออกรายการโทรทัศน์ ยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่มีการกู้เงิน เพราะสามารถบริหารงบประมาณปกติได้ แต่สุดท้ายรัฐบาลก็ต้องออกพ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้าน พร้อมปิดท้ายก่อนจบอภิปรายว่า คงไม่สามารถเชื่อคำพูดของนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้นำแฟชั่นได้อีก
จากนั้นช่วงบ่าย สส.ก้าวไกล เดินหน้าชำแหละงบกระทรวงกลาโหม เริ่มจาก นายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. ที่แนะให้กองทัพต้องมี KPI ที่ชัดเจน และจี้ประเด็นนโยบายยกเลิกการเกณฑ์ทหารว่าจะดำเนินการเมื่อไหร่อย่างไร อย่าปล่อยให้กองทัพต้องจัดการกันเอง จนกลายเป็นเพียงรัฐมนตรีตรายาง
ขณะที่นายชยพล สท้อนดี สส.กทม.พรรคก้าวไกล ตั้งฉายาให้รมว.กลาโหม "สุทินดาวน์น้อย เน้นผ่อนนาน ซ่อนหนี้ก้อนโต" โดยชี้ไปที่งบกลาโหมที่จัดซื้ออาวุธลดลงกว่า 2.4 พันล้านบาท แต่วางดาวน์ในระดับที่ต่ำแค่ 20% และเลือกที่ก่อหนี้ผูกพันธ์ผ่อนกันยาวๆ และมองว่าแม้นายกฯเศรษฐาและนายสุทิน มารับช่วงต่อจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ แต่ก็ไม่มีลดงบประมาณ ลดกำลังพล หรือต้องการตบรางวัลให้กองทัพ เอาอกเอาใจในยุคทหารครองเมือง
จากนั้นนายเศรษฐา ลุกขึ้นชี้แจงยืนยันว่ารัฐบาลจริงจังกับแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 และย้ำว่ารัฐบาลมุ่งมั่งยกระดับคุณภาพชีวิต และความเป็นอยู่ของประชาชนทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สิทธิเสรีภาพ และสิทธิขั้นพื้นฐานโดยเฉพาะอากาศบริสุทธิ์ พร้อมเตรียมลงพื้นที่เชียงใหม่ประชุมเตรียมการรับมือฝุ่น พร้อมกับเตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด เข้าสู่สภา 11 ม.ค.นี้
ทั้งนี้ นายกฯ ยังชี้แจงถึงการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยโชว์ภาพรวมการเกิดเหตุความรุนแรงลดลง ส่วนการใช้งบประมาณของ กอ.รมน. นายกรัฐมนตรีน้อมรับไปพิจารณาต่อ และการันตีแม้เหตุการณ์สงบมากขึ้น กอ.รมน.ยังมีความจำเป็นในพื้นที่ โดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชนในด้านอื่นๆ เช่น ช่วยไปซ่อมแซมบ้านเรือนที่ประสบปัญหาอุทกภัยในช่วงที่ผ่านมา
สำหรับสีสันการอภิปรายวันนี้วันนี้ อยู่ที่นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ตอบโต้การอภิปรายของนายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่มองว่ารัฐบาลชุดนี้จัดงบประมาณแบบ "งบเป็ดง่อย" โดยชี้ไปที่ผลงานกระทรวงพาณิชย์ นายเศรษฐามั่นใจว่ารัฐมนตรีภูมิธรรม ในระยะเวลา 1 ปี ทำได้มากกว่าที่นายจุรินทร์ทำ 4 ปีเสียอีก
ที่สำคัญ วันนี้ นายกรัฐมนตรียังโชว์ถุงเท้าสีชมพูหลังถูกนายจุรินทร์ เปรียบรัฐบาลเศรษฐาเป็น "นักกู้ ถุงเท้าสีชมพู" แถมกล่าวอย่างอารมณ์ดี "จะใส่ถุงเท้าสีไหน ก็ทำงานได้ ไม่เกี่ยวกัน เรื่องนี้เป็นเพียงสีสันเท่านั้น"
โดยการอภิปรายงบประมาณ 2567 จะจบในวันที่ 5 ม.ค.และมีการลงมติภายในวันเดียวกัน