ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ลงมติรับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท วาระแรก ด้วยมติเห็นด้วย 311 เสียง ไม่เห็นด้วย 177 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง
จากนั้น ที่ประชุมได้เห็นชอบตั้งกรรมาธิการวิสามัญจำนวน 72 คน แบ่งเป็น สัดส่วนของคณะรัฐมนตรี (ครม.) 18 คน พรรคการเมือง 54 คน ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล 16 คน พรรคเพื่อไทย 15 คน พรรคภูมิใจไทย 8 คน พรรคพลังประชารัฐ 5 คน พรรคประชาธิปัตย์ 3 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 1 คน พรรคประชาชาติ 1 คน และพรรคไทยสร้างไทย 1 คน พร้อมกับกำหนดระยะเวลาแปรญัตติ 30 วัน ประชุมนัดแรกในวันที่ 8 ม.ค. 67
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวว่า แม้การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 จะถูกจัดทำภายใต้เวลาที่เร่งด่วน มีงบประจำ งบผูกพันที่รัฐบาลจะต้องดูแลอย่างเป็นธรรมและมีวงเงินที่จำกัด แต่รัฐบาลจะยังคงให้ความสำคัญกับการมุ่งทำให้ชีวิตประชาชนดีขึ้นผ่านการดำเนินนโยบายที่ครอบคลุมทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ด้วยโยบายระยะสั้นและนโยบายระยะยาว สำหรับงบประมาณวาระที่พิจารณาอยู่นี้มีจุดสำคัญ คือ เป็นงบประมาณที่ 4 เพิ่ม 1 ลด ดังนี้
1. มีการจัดงบประมาณเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน
2. เพิ่มเงินลงทุนเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน
3. เงินคงคลังเพิ่มขึ้นจากการจ่ายเงินคืนเพื่อรักษาวินัยทางด้านการเงินการคลัง
4. รายได้เพิ่มขึ้นซึ่งตนเองมั่นใจว่าเราจะสามารถขยายฐานภาษีจากการจัดเก็บรายได้ให้เป็นธรรม
และ 1 ลด คือ รัฐบาลจะขาดดุลลดลงซึ่งจะเป็นการลงทุนทางการเงินที่คุ้มค่า
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไป ยังมีอีกหลายนโยบายที่ได้แถลงไว้ อาทิ การเจรจา FTA การยกระดับวีซ่าของประเทศไทย-จีน โดยไม่ต้องขอวีซ่า การกระตุ้นการท่องเที่ยวโดยการยกเว้นวีซ่า เรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ใช้งบประมาณ แค่เปลี่ยนขบวนการทำงานปลดล็อคกฎระเบียบบางอย่าง แต่สามารถสร้าง Impact ได้อย่างมหาศาล
ทั้งนี้ มั่นใจว่าแม้จะเหลือระยะเวลาในการใช้งบประมาณปี 2567 ไม่นาน แต่รัฐบาลจะใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพ ใช้อย่างรู้คุณค่า ใช้อย่างมีเป้าหมายให้คุ้มกับเงินภาษีของประชาชน สำหรับความเห็น ข้อสังเกตและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ขอฝากให้คณะกรรมาธิการวิสามัญที่สภาฯ นี้ แต่งตั้งขึ้นนำไปใช้ประกอบการพิจารณา ตรวจสอบรายละเอียดของร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ให้เป็นไปโดยรอบคอบ