แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ปฏิเสธกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเปิดทางให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคฯ เข้ามานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี แต่ไม่ปฏิเสธเรื่องความเหมาะสมเพียงแค่รอให้ถึงเวลาและจังหวะที่เหมาะสม ขณะที่มี 3 รัฐมนตรีของพรรคเตรียมลาออกจากการเป็น สส.บัญชีรายชื่อ เพื่อเปิดทางให้คนรุ่นใหม่เข้าไปทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ไม่ใช่เตรียมตัวย้ายไปสังกัดพรรคอื่น
"จะปรับทำไม ผมได้ยินมาหลายเรื่อง ทั้งจะปรับ ครม.และให้ น.ส.แพทองธาร เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเพียงข่าวที่พูดมาอย่างต่อเนื่อง ในพรรคไม่เคยมีการพูดแบบนี้ หากพูดถึงนางสาวแพทองธาร ความเหมาะสมไม่มีปัญหา เพียงเวลานี้จุดมุ่งหมาย คือ อยากให้รัฐบาลทำงานให้เข้มแข็ง ทำพรรคให้แข็งแรง เวลานี้เราใช้ยุทธศาสตร์ 3 ขาในการพัฒนาองค์กรของเราให้เข้มแข็ง คือสภาฯ ทำหน้าที่อย่างแข็งแรง พิจารณาดูว่ามีกฎหมายอะไรที่จะทำให้ประชาชน และลงพื้นที่ฟังเสียงของประชาชน" นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าว
ขณะที่รัฐบาลที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีนำการบริหารประเทศ จะเห็นได้ว่าใน 100 วันที่เกิดขึ้นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกคนทำงานอย่างหนักอย่างต่อเนื่อง ส่วนงานของพรรคเป็นภารกิจของ น.ส.แพทองธารที่พยายามจะปรับองค์กร จะเห็นว่ามีการดึงคนรุ่นใหม่เข้ามามาก เพื่อจะรับฟังเสียงสะท้อนและทำงานให้ตอบสนองคนรุ่นใหม่ๆ หรือเยาวชนต่างๆ ซึ่งจะเป็นอีกวัยหนึ่ง ส่วนคนที่มีประสบการณ์ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ก็จะเป็นพี่เลี้ยง
นอกจากนี้พยายามดึงส่วนที่เป็นผู้บริหารจำนวนหนึ่งเป็นคณะกรรมการบูรณาการทำงานร่วมกันทั้ง 3 ฝ่าย ตนเองก็อยู่ในคณะนี้ด้วย ดังนั้น น.ส.แพทองธาร ยังต้องการทำให้พรรคแข็งแรง แต่ว่าการเป็นหัวหน้าพรรคก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้วว่ามีความพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ก็คงต้องรอให้ถึงวาระและตัดสินใจ ยังเหลือเวลาอีกยาว ไม่ต้องรีบคิดตอนนี้ เพราะรัฐบาลนี้เพิ่งเริ่มต้นทำงานและคิดว่าจะอยู่ยาวให้ครบวาระ
นายภูมิธรรม ยอมรับว่า จะมี สส.บัญชีรายชื่อลาออก 3 คน คือ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม และนายประเสริฐ จันทรวงทอง รมว.ดิจิทัลและเศรษฐกิจ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร เพราะเวลานี้คนที่เป็นรัฐมนตรีมีงานเต็มมือไปหมด จากที่ได้พูดคุยกับทั้ง 3 คนอยากให้คนรุ่นใหม่เข้ามามีบทบาทในสภาผู้แทนราษฎร
"เรื่องนี้ได้มีการคุยกันตั้งแต่ต้นอยู่แล้วว่าหากใครมีความสามารถด้านการบริหารก็ให้อยู่ในบัญชีท้าย ไม่ต้องไปแย่งที่ให้ สส.ตกใจ ใครเหมาะสมในการทำงานสภาฯ ก็เข้าอยู่ในลำดับต้นๆ" นายภูมิธรรม กล่าว
เนื่องจากพรรคเพื่อไทยมีคนที่มีความสามารถเยอะ และเดิมทีคาดการณ์ไว้จะได้ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ถึง 50 คน แต่การเมืองผลเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ซึ่งทั้ง 3 คนพูดเอง และได้ปรารภกับตนว่าจะลาออกเพื่อไปทำงานรัฐบาลให้เต็มที่ จึงขออย่าคิดว่าจะไปอยู่พรรคการเมืองอื่น ตอนนี้ทั้ง 3 คนยังอยากทำงานให้เต็มที่อยู่