นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แนะให้รัฐบาล และคณะทำงานด้านกฎหมาย ควรอ่านบันทึกของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่กระทรวงการคลัง ได้ทำข้อหารือไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อสอบถามว่ารัฐบาลสามารถออก พ.ร.บ.กู้เงิน จำนวน 5 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ได้หรือไม่ อย่างไร ด้วยความละเอียด รอบคอบ และระมัดระวัง
ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่าหากรัฐบาลตีความว่าทำได้ จะถือเป็นความเสี่ยงของรัฐบาล รวมถึงหน่วยงานของกระทรวงการคลัง ที่เสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย และหากรัฐบาลเดินหน้าเรื่องดังกล่าว ปลายทางต้องถูกส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้ทราบว่ามีผู้ที่ยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญแล้ว
"ขอเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดทำโครงการนี้ เพราะตามบันทึกของกฤษฎีกา เท่าที่ทราบ กำหนดเงื่อนไขที่ทำให้เกิดขึ้นได้ยาก เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามกฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐหลายมาตรา ดังนั้น ทางออกตอนนี้รัฐบาลขอโทษกับประชาชน และเลิกโครงการ หากจะเดินหน้าทำต่อไป มีสิทธิที่นายกฯ อาจจะถูกเปลี่ยนตัวได้" นายสมชาย กล่าว
พร้อมระบุว่า หากรัฐบาลจะออกเป็น พ.ร.ก.กู้เงิน ก็ไม่อยู่ในข้อคำถามที่สอบถามไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกา เพราะเจาะจงไปที่การออกเป็น พ.ร.บ. ขณะเดียวกันในความเห็นของกฤษฎีกาเท่าที่ตนทราบ คือรัฐบาลเดินหน้าออกเป็น พ.ร.บ.ได้ แต่ต้องดำเนินการให้เป็นไปตาม มาตรา 53 และมาตรา 57 ของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ให้เป็นที่ประจักษ์ โดยมีรายละเอียดที่เป็นเงื่อนไข คือ เป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน, เป็นเรื่องต่อเนื่อง เป็นเรื่องแก้วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศ และไม่สามารถออกเป็นกฎหมายงบประมาณประจำปีได้ทัน
"แต่ที่ผ่านมา พบว่าสถานะของประเทศ และความจำเป็นของการออก พ.ร.บ.กู้เงิน ไม่เข้าเงื่อนไขดังกล่าว" นายสมชาย ระบุ
นอกจาก 2 มาตราดังกล่าวแล้ว ยังมีเงื่อนไขที่คณะกรรมการกฤษฎีกากำหนดให้รัฐบาลต้องทำให้เกิดความประจักษ์ ในอีก 4 มาตราของ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง คือ มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 9 และมาตรา 49 ซึ่งเป็นกรอบกำหนดให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด คำนึงถึงเสถียรภาพ เกิดความคุ้มค่า ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ไม่มุ่งสร้างความนิยมทางการเมืองที่ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ แต่ที่ผ่านมา พบว่าโครงการแจกเงินดิจิทัล เป็นโครงการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยที่เป็นประชานิยมชัดเจน
"ขอย้ำว่าให้รัฐบาลหยุดทำเรื่องนี้ เลิกโครงการแจกเงิน แล้วหันมาทำโครงการที่เป็นประโยชน์ และเกิดประโยชน์กับประเทศในระยะยาว...ขอฝากเป็นครั้งสุดท้ายว่า ด้วยเงื่อนไขที่กฤษฎีกาให้ความเห็น รัฐบาลทำได้ยากมาก และรัฐบาลอย่าใช้ช่องของสภา วุฒิสภา หรือศาลรัฐธรรมนูญคว่ำ รัฐบาลควรหยุด และแถลงขอโทษแฟนคลับ" นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวว่า การรับผิดชอบเป็นเรื่องการเมือง คงไม่ถึงต้องลาออก แค่ขอโทษประชาชนก็จะเข้าใจ ส่วนจะต้องถึงขั้นเปลี่ยนตัวนายกฯ หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า หากเดินหน้าต่อไป อาจต้องเปลี่ยนตัวนายกฯ