นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง มอบนโยบายและแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ว่า ในปีงบประมาณ 68 จะเป็นการดำเนินการที่ต่อเนื่องจากปี 67 โดยช่วงเวลาการทำงานจะทับซ้อนกัน จึงขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ให้ความร่วมมือในการดำเนินการ เพื่อผลักดันให้การจัดทำงบประมาณตอบโจทย์ความต้องการ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด
ในปีงบประมาณ 2568 การใช้จ่ายภาครัฐจะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินนโยบายของรัฐบาลทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งนโยบายทั้งหมดจะต้องอาศัยการทำงานบูรณาการเป็นอย่างมาก มีความเชื่อมโยงหลายส่วน และขอให้สำนักงบประมาณช่วยคอยดูทั้งตัวชี้วัด งบประมาณที่ขอเพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน และต้องดูรายละเอียดเนื้อหาให้ถี่ถ้วนด้วยว่าตอบโจทย์ของรัฐบาลหรือไม่ และผลักดันให้การจัดทำงบประมาณตอบโจทย์ความต้องการและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด
"ทุกคนทราบว่าหนึ่งในนโยบายเรือธงของรัฐบาลนี้คือการทำ Digital Wallet ให้สำเร็จ แม้ว่าในวันนี้ เราจะเดินหน้าออก พ.ร.บ. กู้เงินก็ตาม แต่ก็ขอให้ไม่ลืมที่จะตั้งงบประมาณเผื่อไว้ ในกรณีที่ต้องใช้พัฒนาและดำเนินโครงการด้วย แต่ขอให้ตั้งอย่างสมเหตุสมผล ในปีงบประมาณ 2568 การใช้จ่ายภาครัฐจะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินนโยบายของรัฐบาลทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม นโยบายทั้งหมดของรัฐบาลที่ตนเองกล่าวไปนั้น จะต้องอาศัยการทำงานบูรณาการกันเป็นอย่างมาก มีความเชื่อมโยงหลายส่วน การจัดทำงบประมาณ จะต้องขอให้สำนักงบประมาณช่วยคอยดูทั้งตัวชี้วัด งบประมาณที่ขอ เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน และต้องดูรายละเอียดเนื้อหาให้ถี่ถ้วนด้วยว่าตอบโจทย์ของรัฐบาลหรือไม่"
นโยบายที่สำคัญด้านเศรษฐกิจ จะครอบคลุม 8 กลุ่ม ได้แก่ 1.พลังงาน 2.เกษตร 3.ท่องเที่ยว 4.โครงสร้างพื้นฐาน 5.การดึงดูดการลงทุน 6.การทูตเชิงรุกและการค้าชายแดน 7.Soft Power และ 8.ค่าแรงขั้นต่ำ
ส่วนนโบายด้านสังคม ประกอบด้วย 7 กลุ่มนโยบาย ได้แก่ 1.การแก้หนี้ทั้งระบบ 2.การพัฒนาการศึกษา 3.สิทธิในที่ดินทำกิน 4.ยาเสพติดและผู้มีอิทธิพล 5.สาธารณสุข 6.ความเสมอภาคเท่าเทียม และ 7.สิ่งแวดล้อม ความเป็นอยู่ของประชาชน
เรื่องการเมือง การปกครอง และการบริหารราชการแผ่นดิน รัฐบาลมีนโยบายที่สำคัญในกลุ่มนี้จะประกอบด้วย 3 กลุ่มด้วยกัน คือ 1.การปลดล็อค กฏระเบียบ เปลี่ยนรัฐอุปสรรคให้เป็นรัฐสนับสนุน 2.การทำ E-Government เพื่อปรับปรุงกระบวนการบริการประชาชน และ 3.การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
"เป้าหมายผมก็ยังชัดเจนเหมือนเดิมครับ เศรษฐกิจประเทศไทย 4 ปีจะต้องโตเฉลี่ย 5% ให้ได้"นายเศรษฐา กล่าว
ทั้งนี้ เพื่อให้หน่วยงานสามารถจัดทำคำของบประมาณที่สอดคล้องกับจุดเน้นตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องดำเนินการในปีงบประมาณ 2568 จำนวน 142 ประเด็น สำนักงบประมาณจึงอยู่ระหว่างดำเนินการนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อปรับปรุงปฏิทินงบประมาณ โดยขยายระยะเวลาการจัดส่งคำขอได้ถึงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 ต่อไป