นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง พร้อมด้วยนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ มีกำหนดเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ระหว่างวันที่ 15-19 ม.ค.67 ซึ่งจะเป็นการเข้าร่วมการประชุมในระดับผู้นำครั้งแรกของไทยในรอบ 12 ปี และป็นการเดินทางเยือนภูมิภาคยุโรปครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีฯ จึงเป็นโอกาสดียิ่งที่จะได้พบกับผู้นำจากทั่วโลก เพื่อแสดงความพร้อมของไทย ที่จะร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อกระชับความสัมพันธ์และส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกัน
การประชุมประจำปีของ WEF เป็นเวทีที่มีลักษณะเฉพาะและมีความพิเศษ มีผู้เข้าร่วมทั้งที่เป็นประมุขและผู้นำรัฐบาล หัวหน้าองค์การระหว่างประเทศ ผู้บริหารภาคธุรกิจ (CEOs) นักวิชาการ ตลอดจนผู้มีอิทธิพลทางความคิดระดับโลก ประมาณ 2,500 คนจากทั่วโลก
โดยการประชุมปีนี้จะจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ "ฟื้นฟูความเชื่อมั่น" ประกอบด้วย 4 ประเด็นหลัก ได้แก่
(1) การบรรลุความร่วมมือและความมั่นคงในโลกที่แตกแยก
(2) การสร้างการเติบโตและสร้างงานสำหรับยุคใหม่
(3) ปัญญาประดิษฐ์ในฐานะพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม
(4) ยุทธศาสตร์ระยะยาวสำหรับสภาพภูมิอากาศ ธรรมชาติ และพลังงาน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีฯ จะเข้าร่วมและร่วมเป็นผู้เสวนาในการประชุมและเวทีเสวนาต่าง ๆ เพื่อประชาสัมพันธ์ศักยภาพทางเศรษฐกิจของไทยและเชิญชวนต่างประเทศเข้ามาลงทุนในไทยโดยเฉพาะโครงการ Landbridge ตลอดจนแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็น อาทิ แนวโน้มเศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์โลก ความยั่งยืน และการเปลี่ยนผ่านสีเขียว
นอกจากนั้น ยังมีกำหนดการพบกับผู้นำรัฐบาล องค์การระหว่างประเทศ และภาคธุรกิจ เพื่อหารือประเด็นความร่วมมือในอนาคต
สำหรับบริษัทเอกชนรายใหญ่ที่จะพบกันครั้งนี้ ได้แก่
- DKSH ผู้ให้บริการด้านการขยายตลาด ตั้งแต่การจัดหาแหล่งผลิต การวิจัยและวิเคราะห์ตลาด การตลาด การขาย การกระจายสินค้า โลจิสติกส์ และการบริการหลังการขาย ผลิตภัณฑ์และสินค้ามากมายหลายประเภท โดย DKSH ประเทศไทยเป็นหนึ่งในองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศด้านยอดขาย และเป็นประเทศที่มีการดำเนินกิจการที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่ม DKSH
- Dubai Port World ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์การขนส่งสินค้า การดำเนินงานท่าเรือ การขนส่งสินค้าทางทะเล และเขตการค้าเสรี ก่อตั้งขึ้นในปี 2548 ให้บริการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ 70 ล้านตู้ โดยมีเรือนำเข้าประมาณ 70,000 ลำต่อปี หรือเท่ากับประมาณถึง 10% ของปริมาณการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทั่วโลก และมีพื้นที่ให้บริการในท่าเรือกว่า 82 แห่งในกว่า 40 ประเทศ
- Standard Chartered ธนาคารชั้นนำระดับสากลและมีเครือข่ายทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความชำนาญที่ส่งเสริมธุรกิจที่มีศักยภาพให้เติบโต พร้อมเป้าหมายส่งเสริมความยั่งยืน 3 ด้านคือ การเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) การเป็นองค์กรที่รับผิดชอบ (Responsible Company) และการสร้างความเท่าเทียมในชุมชน (Inclusive Communities) สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล
- Telenor บริษัทโทรคมนาคมชั้นนำระดับโลก มีลูกค้าประมาณ 175 ล้านคนใน 8 ประเทศทั่วภูมิภาคนอร์ดิกและในเอเชีย
- Coca Cola หนึ่งในบริษัทเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นเจ้าของหรือมีใบอนุญาตยี่ห้อเครื่องดื่มมากกว่า 200 ยี่ห้อ โดยก่อตั้งในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2533 และได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI เพื่อจัดตั้งสำนักงานใหญ่ภูมิภาคในปี 2553
- Nestle บริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำระดับโลก มีสินค้าจำหน่ายอยู่ใน 190 ประเทศทั่วโลก โดยมีโรงงานผลิต 344 โรงงานใน 77 ประเทศ รวมทั้งในประเทศไทยด้วย ทั้งนี้ เนสท์เล่ในประเทศไทยมีแนวทางที่เน้นการขับเคลื่อนสิ่งดีๆ เพื่อผู้บริโภค (Good for You) และการขับเคลื่อนสิ่งดีๆ เพื่อโลกของเรา (Good for the Planet) ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลไทยที่เน้นการดูแลสุขภาพของคนไทย และการดูแลสิ่งแวดล้อม
- Grab ผู้ให้บริการจัดส่ง การเดินทาง พัสดุ การเงิน การบริหารจัดการธุรกิจและอื่นๆ ผ่าน Application เดียว ช่วยเชื่อมโยงผู้บริโภคจากทุกสาขาอาชีพกับผู้ประกอบการนับล้านใน 500 เมืองและ 8 ประเทศ
- Robert Bosch บริษัทเทคโนโลยีด้านการขับเคลื่อนชั้นนำของโลก และเชี่ยวชาญด้าน อุตสาหกรรม สินค้าอุปโภคบริโภค เทคโนโลยีพลังงานและอาคาร ดำเนินงานในกว่า 60 ประเทศทั่วโลก และมีบริษัทในเครือมากกว่า 468 แห่ง โดยมีการลงทุนในประเทศไทย รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ในปี 2557 บริการทดสอบทางวิทยาศาสตร์จำนวน 24 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 6.3 พันล้านบาท (165 ล้านยูโร)