จากกรณีมีกระบวนการตบทรัพย์ที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์การจับกุม นายศรีสุวรรณ จรรยา ในข้อกล่าวหาเรียกรับเงินจาก นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว และร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ออกมาระบุว่าเรื่องตบทรัพย์นั้นมีทุกกระทรวงนั้น
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องพึงระวังและต้องจัดการเด็ดขาดอย่างที่นายกรัฐมนตรีให้นโยบายไว้ และเรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นอุทธาหรณ์และต้องไม่ให้ปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นเด็ดขาด เพราะการคอร์รัปชันถือเป็นการทำลายรากฐานสังคมไทย และถือเป็นหน้าที่ของทุกกระทรวงที่ต้องตรวจสอบดูแลเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม นายภูมิธรรม ยอมรับว่า เรื่องลักษณะนี้อาจจะติดตามได้ลำบาก แต่ได้กำชับว่า เรื่องนี้ต้องทำอย่างจริงจัง ซึ่งรัฐมนตรีทุกกระทรวงก็ต้องตรวจสอบให้เข้มข้นมากขึ้น
ทั้งนี้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ปัญหาที่ผ่านมาเคยเกิดขึ้นที่องค์การคลังสินค้า จนนำไปสู่การอภิปรายในสภาฯ แต่ในขณะนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการบริหารจัดการ เพื่อบูรณาการกรมต่างๆ ภายในกระทรวงทำงานร่วมกันได้
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย (มท.) ยืนยันว่า กระทรวงมหาดไทยไม่มีเรื่องการตบทรัพย์ และไม่ได้ให้ความสำคัญ หรือต้องไปใส่ใจกับคนเหล่านี้
ส่วนที่นายศรีสุวรรณ เคยพยายามไปร้องเรียนที่กระทรวงมหาดไทยมาแล้วนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า นายศรีสุวรรณ มีสิทธิ์ร้องเรียนตามหน้าที่ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยเป็นกระทรวงที่มีคนร้องเรียนมากที่สุด จึงได้มีการจัดตั้งศูนย์ดำรงธรรม ดังนั้น เรื่องอะไรที่เข้าไปที่ศูนย์ดำรงธรรม ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจะมอบหมายให้กับหน่วยงานที่รับผิดชอบ เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน
ส่วนกรณีที่นายศรีสุวรรณ เคยร้องให้ยุบพรรคภูมิใจไทยนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยจะถูกยุบหรือไม่ถูกยุบ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคนร้อง แต่อยู่ที่กฎหมายเป็นอย่างไร ซึ่งพรรคภูมิใจไทยเวลาส่งสส. ลงเลือกตั้ง ก็ทำตามกฎหมายพรรคการเมืองทุกอย่าง
"ถ้าเขาร้องเพื่อเจตนารักษาผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองและประชาชนจริงๆ ถือเป็นเรื่องที่น่าสรรเสริญ แต่ถ้าร้องไปหมดเพื่อมาตบทรัพย์ เพื่อมาคุกคามแบบนี้ ผลก็เป็นอย่างที่เห็น บางทีทำแล้วเพลินก็เลยไม่รู้สี่รู้แปด ผมไม่เคยคุยกับคนพวกนี้ เราเลือกคบคนดี โจรจะไปคบทำไม" นายอนุทิน กล่าว
ทั้งนี้ นายอนุทิน ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นกรณีโครงการดิจิทัลวอลเลต ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล โดยขอให้เป็นไปตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี