นายชัยธวัช ตุลาธน สส.แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ว่าการเสนอแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 รวมทั้งการนำไปใช้หาเสียงและรณรงค์ต่าง ๆ ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขว่า ยืนยันอีกครั้งว่าพรรคไม่ได้มีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลาย หรือแยกสถาบันพระมหากษัตริย์ออกจากชาติแต่อย่างใด
ขณะที่เรากังวลว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อการเมืองไทยในระยะยาว เช่น อาจกระทบต่อความสัมพันธ์ทางอำนาจระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติกับศาลรัฐธรรมนูญในอนาคต อาจกระทบต่อความเข้าใจและการให้ความหมายต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หลักการสำคัญของระบอบการเมืองไม่มีความชัดเจน แน่นอน สิ่งที่เคยกระทำได้ในอดีต ทั้งสมัยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ หรือสมัยระบอบประชาธิปไตย อาจกลายเป็นการล้มล้างการปกครองได้ในปัจจุบันและอนาคต
อีกทั้ง ยังอาจจะกระทบถึงการตีความว่าอะไรคือการล้มล้างการปกครอง อาจเกิดปัญหาที่พวกเราเข้าใจหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน แน่นอนไม่ตรงกัน มีความคลุมเครือทั้งในแง่การตีความข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และเจตนา
นายชัยธวัช กล่าวว่า คำวินิจฉัยวันนี้อาจก่อให้เกิดปัญหาต่อดุลยภาพระหว่างประชาธิปไตยกับสถาบันในระบอบการเมืองไทยในอนาคต และยังอาจทำให้สังคมไทยสูญเสียโอกาสในการใช้ระบบรัฐสภาในการหาข้อยุติความขัดแย้งหรือความเห็นต่างกันในสังคมในอนาคต และสุดท้าย คำวินิจฉัยในวันนี้ อาจส่งผลให้ประเด็นเรื่องสถาบันกลายเป็นปมปัญหาความขัดแย้งในการเมืองไทยมากยิ่งขึ้น ส่งอาจส่งผลกระทบด้านลบต่อสถาบันเอง
"พรรคก้าวไกล ขอขอบคุณทุกกำลังใจจากประชาชนที่ส่งมาให้พวกเราตลอดหลังจากที่มีการอ่านคำวินิจฉัย อย่างไรก็ตาม คำวินิจฉัยในวันนี้ จะไม่ได้กระทบเฉพาะพรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่จะกระทบต่อความเป็นประชาธิปไตยของประเทศ และสิทธิเสรีภาพของประชาชนทุกคน ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ และผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จึงเป็นเรื่องของพวกเราทุกคน ไม่ใช่ของพรรคก้าวไกล เป็นเรื่องของอนาคตของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" นายชัยธวัช กล่าว