น.ส.อัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ฝ่ายการเมือง) ชี้สาเหตุเพลิงไหม้กระทรวงเกษตรฯ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมานั้นขอให้รอผลพิสูจน์หลักฐานและตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องก่อนตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายแทรกแซง หรือผูกโยงให้เป็นประเด็นทางการเมือง เบื้องต้นคาดมาจากไฟฟ้าลัดวงจร
"อยู่ในดุลพินิจของเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งได้รวบรวมเอกสารข้อมูลไว้หมดแล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมาย ตามประจักษ์พยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ไม่ควรเอาประเด็นทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความสับสน ไม่ควรเข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่ หรือการสร้างภาวะความกดดันใดๆ กับผู้ปฏิบัติงานตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เก็บชิ้นส่วนเป็นสายไฟในที่เกิดเหตุ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นต้นเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ซึ่งต้องรอสรุปผลของกองพิสูจน์หลักฐานต่อไป" น.ส.อัยรินทร์ กล่าว
โดยวันนี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางเข้าตรวจพื้นที่จุดเกิดเหตุเพลิงไหม้ หลังได้รับการอนุญาตจากกองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อเข้าไปเก็บของ และสำรวจความเสียหายเพื่อวางแผนปรับปรุง
เบื้องต้นพบความเสียหายบริเวณห้องครัวได้รับความเสียหายหนักสุด และคาดว่าน่าจะเป็นจุดต้นเพลิง เนื่องจากบริเวณจุดนี้มีเครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก และยังมีร่องรอยการเผาไหม้ที่เกิดขึ้น สันนิษฐานว่าต้นเพลิงจากห้องครัวทำให้เปลวไฟได้ลุกลามติดผ้าม่านวอลล์เปเปอร์ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เปลวไฟทวีความรุนแรงและได้รับความเสียหายอย่างหนัก ซึ่ง รมว.เกษตรฯ ได้สั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจพื้นที่ทันทีเพื่อวางแผนปรับปรุงห้องใหม่ทั้งโซน เพื่อซ่อมแซมทั้งโครงสร้าง พื้นเพดานใหม่ทั้งหมดเพื่อความปลอดภัย
ขณะเดียวกันระหว่างปรับปรุงพื้นที่ให้นายไชยา ใช้พื้นที่กรมชลประทานเป็นที่ทำงานชั่วคราว ซึ่งนายไชยา กล่าวว่า สิ่งของภายในห้องทำงานของตนไม่ได้รับความเสียหาย ทุกอย่างอยู่ครบ มีเพียงแค่พื้นชุ่มฉ่ำเปียกน้ำ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ใช้น้ำฉีดสกัดเพลิงตอนเกิดเหตุทำให้มีน้ำท่วมขังอยู่ในห้อง วันนี้จะได้นำของสำคัญและเอกสารการทำงานออกไปที่ทำงานชั่วคราวที่กรมชลประทาน ซึ่งไม่เป็นอุปสรรคในการปฏิบัติหน้าที่ ยังคงเดินหน้าทำงานต่อตามปกติ