นายประยุทธ์ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการสูงสุด ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงว่า อัยการสูงสุดได้แจ้งอายัดตัว นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งถูกกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ไว้แล้วกับกรมราชทัณฑ์ตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว ส่วนผลความคืบหน้าทางคดีจะเป็นอย่างไร สำนักงานอัยการสูงสุดจะแถลงให้ทราบต่อไป คดีนี้ เมื่อวันที่ 16 ก.พ.59 โดยสำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนคดีการทำความผิดนอกราชอาณาจักรจากพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยมี พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม เป็นผู้กล่าวหา และนายทักษิณ เป็นผู้ต้องหา ข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี และรัชทายาท และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 พ.ค.58 ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ คณะทำงานพนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้อง เนื่องจากคดีนี้ เป็นคดีความผิดซึ่งมีโทษตามกฎหมายไทย ได้กระทำนอกราชอาณาจักร จึงเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของอัยการสูงสุดตรวจพิจารณาสำนวนคดีแล้วมีความเห็นควรสั่งฟ้องทักษิณ แต่เนื่องจากนายทักษิณ เป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดี อัยการสูงสุดจึงแจ้งให้พนักงานสอบสวนออกหมายจับ และมีคำขอต่อศาลอาญาให้ออกหมายจับเรียบร้อยแล้ว คดีนี้มีอายุความ 15 ปี ซึ่งจะขาดอายุความในวันที่ 21 พ.ค.73 ต่อมาวันที่ 22 ส.ค.66 นายทักษิณเดินทางกลับเข้าประเทศไทย และถูกควบคุมเพื่อรับโทษในคดีอาญาอื่น ซึ่งพนักงานสอบสวนได้นำหมายจับไปแจ้งอายัดตัวนายทักษิณไว้กับกรมราชทัณฑ์เรียบร้อยแล้ว ต่อมาเมื่อวันที่ 17 ม.ค.67 อธิบดีอัยการการสอบสวนและคณะได้ร่วมกับพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้าแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมพฤติการณ์ และข้อเท็จจริงทางคดีใหักับนายทักษิณได้ทราบ แต่ปรากฎว่าผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ และยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ต่อมา อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน ได้ส่งบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของนายทักษิณ และหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ให้กับพนักงานสอบสวนของอัยการผู้รับผิดชอบคดีนี้เพื่อรวบรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสำนวนส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณา ขณะนี้ สำนวนคดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคดีกิจการอัยการสูงสุดตรวจพิจารณาและทำความเห็นเบื้องต้นเสนออัยการสูงสุด เพื่อพิจารณามีความเห็นและคำสั่งทางคดีต่อไป