พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เปิดเผยว่า อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ทำเรื่องเสนอพักโทษนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาที่กระทรวงยุติธรรมแล้ว ซึ่งคณะอนุกรรมการจะร่วมกันพิจารณา โดยมีผู้ได้รับการเสนอพักโทษครั้งนี้ทั้งหมด 945 คน ซึ่งคณะอนุกรรมการพักโทษได้มีการอนุมัติไปทั้งสิ้น 930 คน
การพักโทษเป็นไปตามกฏหมายราชทัณฑ์ มาตรา 52 ซึ่งการพิจารณาบุคคลที่จะได้รับการพักโทษคือ จะต้องเข้าเงื่อนไขติดคุกมาแล้ว 6 เดือน หรือ 1 ใน 3 หากอันไหนมากกว่ากันให้ใช้เกณฑ์นั้น แต่โทษต้องเหลือไม่เกิน 10 ปี ซึ่งการดำเนินการเป็นไปตามกฎหมาย
"แต่ละเดือนการพักโทษจะมีเฉลี่ยประมาณเท่านี้ อย่างก่อนหน้านี้มีการเสนอมา 1,000 คน คณะอนุกรรมการพักโทษก็อนุมัติประมาณ 930 คน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการพักโทษในครั้งนี้มีชื่อของนายทักษิณด้วยหรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ในรายงานการประชุมมีชื่อของนายทักษิณด้วย โดยคณะอนุกรรมการพักโทษเห็นชอบตามที่อธิบดีกรมราชทัณฑ์เสนอ เนื่องจากเกณฑ์ของนายทักษิณ อยู่ในกลุ่มเจ็บป่วยร้ายแรงหรือพิการ หรืออายุ 70 ปีขึ้นไป
กรณีของนายทักษิณ ต้องโทษ 1 ปี ซึ่ง 1 ใน 3 คือ 4 เดือน แต่กรณีของนายทักษิณ ครบ 6 เดือนก็เป็นอัตโนมัติที่จะได้รับการพักโทษ ส่วนจะได้รับโทษวันใดนั้น ต้องไปไล่วันดู ถ้าได้รับครบเกณฑ์ก็เป็นสิทธิของผู้ที่จะพักโทษ ทางกรมราชทัณฑ์ก็จะมีการประสานกัน
"อยากจะเรียนว่ามันเป็นเรื่องปกติ ได้ตรวจสอบว่าโครงการการพักโทษ กรณีเจ็บป่วยร้ายแรง พิการ หรืออายุ 70 ปี มันเริ่มมาตั้งแต่ปี 2546 จนถึงปัจจุบันมีอยู่จำนวน 2,240 คน นอกจากการพักโทษแล้ว ยังมีการยกเลิกการพักโทษก็มี เนื่องจากว่าในช่วงที่ผ่านมาต้องมีการปฎิบัติตามเกณฑ์ที่อนุกรรมการกำหนด"พ.ต.อ.ทวี กล่าว
ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่า นายทักษิณได้รับการพักโทษตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์ และนายทักษิณ ก็เป็นนายกรัฐมนตรีมาหลายปี และเป็นบุคคลที่มีประโยชน์ ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติมายาวนาน
"ท่านทักษิณ เป็นนายกฯ ที่ถือว่ามีความนิยมชมชอบสูงที่สุดท่านหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย และเมื่อออกมาแล้วก็ถือเป็นประชาชนคนธรรมดา เรื่องในอดีตก็ถือเป็นเรื่องในอดีตไป ได้มีการเข้ากระบวนการทางกฎหมายไปเรียบร้อยแล้ว และท่านเองก็มีลูกมีหลานและลูกสาวคนเล็กก็เป็นหัวหน้าพรรค ผมเชื่อว่าจะมีคำแนะนำดีๆ ที่จะให้เป็นแนวทาง หรือเป็นประโยชน์ ผมเชื่อว่าทางลูกสาวก็จะนำไปทำประโยชน์ต่อการบริหารประเทศได้ ท่านก็มีหลานอีก 7 คน ในฐานะที่เป็นพ่อคน ผมเข้าใจในความเป็นพ่อเป็นคุณปู่และเป็นคุณตา ที่มีให้กับลูกหลานและเป็นสิทธิของท่าน ยืนยันว่าทำตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ทุกอย่าง" นายเศรษฐา กล่าว
ส่วนในอนาคตจะถือโอกาสขอคำปรึกษาจากนายทักษิณด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ปกติก็ขอคำปรึกษาจากผู้ที่มีคุณประโยชน์กับประเทศทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพรรคตรงข้าม อดีตนายกรัฐมนตรี ทหาร ตำรวจในอดีตก็พูดคุยได้ตลอดเวลา
"เราถือว่าได้มาอยู่ในรัฐบาลที่มีพรรคร่วมเยอะและมีปัญหาบ้านเมืองเยอะ ซึ่งความชำนาญในการบริหารประเทศของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางเรื่อง เราอาจจะมีความรู้มาก ความรู้น้อย เราก็ต้องปรึกษาพูดคุยทุกคน โดยเฉพาะกับคนที่มีความรู้ความสามารถ และเคยบริหารประเทศมาก่อน"