นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 กล่าวว่า การเดินทางมาวันนี้ ไม่ได้เป็นการบุกทำเนียบรัฐบาลแต่อย่างใด แต่เป็นการขอเข้ามาประชุมร่วม เพื่อขอความชัดเจนเรื่องการตีความว่าร่างกฏหมายที่เป็นกฎหมายการเงินมีหลักการพิจารณาอย่างไร ซึ่งจากที่ได้ทำหนังสือสอบถามสาเหตุที่นายกรัฐมนตรียังไม่เซ็นรับรอง ร่าง พ.ร.บ. ทราบว่าเพราะต้องรอความเห็นจากหน่วยงาน แต่ไม่มีรายละเอียดบอกว่า แต่ละร่างกฏหมายรอหน่วยงานใด หรืออยู่ในขั้นตอนใดบ้าง
โดยได้ส่งหนังสือเพื่อขอหารือไปตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ.แล้ว และมองว่าเป็นเรื่องดีที่ฝ่ายบริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติจะได้หารือกัน โดยยืนยันว่า ฝ่ายนิติบัญญัติไม่ได้รุกล้ำอำนาจฝ่ายบริหารแต่อย่างใด
นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการพูดคุยกันครั้งแรก และไม่ได้คาดหวังว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงโดยทันที แต่ถ้าไม่คุยกันเลย และโต้ตอบผ่านทางหนังสืออย่างเดียว คงไม่มีโอกาสที่จะปรับปรุงการทำงานร่วมกัน "ผมเป็นรองประธานสภาฯ ที่รับผิดชอบเรื่องการตรากฏหมายโดยตรง และการมาติดตามวันนี้ มาดูร่างกฏหมายทั้งของฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลด้วย...ผมก็ไม่ได้ไร้เดียงสา มันมีจังหวะทางการเมือง ที่จะให้กฏหมายเข้าหรือไม่เข้า แต่อย่างน้อยต้องโปร่งใส ตรงไปตรงมา ว่าติดเรื่องอะไร ยืนยันไม่มีวาระซ้อนเร้น รีบคุย รีบกลับ งานเยอะ" นายปดิพัทธ์ กล่าว
พร้อมยืนยันว่า การเดินทางในวันนี้เป็นการทำหน้าที่ปกติ ไม่จำเป็นต้องแจ้งประธานสภาฯ หรือรองประธานคนที่ 2 ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการตัดสินใจเอง หรือทำในฐานะส่วนตัวนั้น ก็แล้วแต่จะวิพากษ์วิจารณ์กัน
ภายหลังการหารือ นายปดิพัทธ์ เปิดเผยว่า ไม่ได้พบกับผู้บริหารรัฐบาล แต่ได้พบเพียงเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ ซึ่งได้รับฟังและเข้าใจว่าร่างกฎหมายต้องรับฟังความเห็นหน่วยงานต่างๆ ค่อนข้างมาก แต่ทั้งนี้ ตนอยากให้เพิ่มรายละเอียดในเอกสารที่ตอบกลับสภาฯ ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น คำว่า "รอหน่วยงาน" นั้น รัฐบาลส่งไปกี่หน่วยงาน มีหน่วยงานไหนตอบแล้ว และยังไม่ตอบมา เพื่อทางสภาฯ จะได้เห็นความชัดเจน เพื่อรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงจะได้ประเมินผลฝ่ายกฎหมายของตัวเอง