นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน เปิดประชุมคณะกรรมการประกันสังคม พร้อมมอบนโยบายในการกำหนดทิศทางเป้าหมายการดำเนินงานของสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ให้สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยมอบแนวทางการขับเคลื่อนที่ต้องเร่งรัดให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ภายใต้นโยบาย มุ่งเน้นการบริการที่ได้มาตรฐาน วินิจฉัยโรคที่แม่นยำรวดเร็ว สะดวกสบาย และมีการติดตามผล พร้อมคุ้มครอง ดูแลและสร้างสวัสดิการที่ดี เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ประกันตน
โดยแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายมี 4 ข้อ ได้แก่
1.นโยบายการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับผู้ประกันตน ปรับปรุงและพัฒนากฎหมายให้มีความเหมาะสมกับบริบทเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ มีมาตรฐานสากล พร้อมพัฒนาและยกระดับสิทธิการรักษา รวมถึงสวัสดิการของงานด้านประกันสังคม ที่มีความทันสมัย และตอบสนองความต้องการของผู้ประกันตน ผ่านโครงการ MICRO FINANCE : ลดหนี้ เติมทุน สร้างสุขแรงงาน
2.นโยบายเชิงรุกเพื่อการส่งเสริมสุขภาพที่ดีสำหรับผู้ประกันตน โครงการตรวจสุขภาพเชิงรุก ณ สถานประกอบการ ที่มุ่งเน้นการตรวจคัดกรองโรคที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติมาใช้เพื่อการคัดกรองโรคอันตราย ณ สถานประกอบการ
3.นโยบายด้านการยกระดับงานด้านการบริการรวดเร็ว สะดวกสบาย และมีการติดตามผล สู่การพัฒนา BEST E-SERIVCE ประกันสังคมยุคใหม่ สร้างความมั่นคง เพิ่มความมั่นใจ ยกระดับการให้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนายจ้าง ลูกจ้าง และผู้ประกันตนในการรับบริการ มีการพัฒนาระบบ TELE-MEDICINE เพื่อเป็นการเพิ่มความสะดวกในการได้รับการบริการด้านการรักษาพยาบาล และช่วยลดความแออัด ณ สถานพยาบาล และการพัฒนาระบบประเมินความพึงพอใจในการเข้าบริการของผู้ประกันตน ณ สำนักงานประกันสังคม และโรงพยาบาลประกันสังคม เพื่อการนำข้อมูลมาใช้เพื่อการพัฒนาและระดับงานด้านการบริการและรักษาพยาบาล
4.นโยบายกองทุนมั่นคง แรงงานมั่งคั่ง ประกันสังคมยั่งยืน เพื่อการบริหารจัดการกองทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และยั่งยืน โดยส่วนแรก คือ การเพิ่มจำนวนผู้ประกันตน พร้อมเร่งศึกษาพัฒนา PACKAGE ด้านประกันสุขภาพที่ตอบสนองความต้องการของผู้ประกันตนยุคใหม่ เพิ่มกลุ่มเป้าหมายของผู้ประกันตนให้เข้าสู่ระบบประกันสังคมที่มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานอิสระ หรือมาตรา 40
ส่วนที่สอง คือ พัฒนาด้านการลงทุนที่มีประสิทธิภาพให้ได้ผลตอบแทนการลงทุนที่มากกว่าปัจจุบัน โดยตั้งเป้าหมายผลตอบแทนการลงทุนจาก 2.4% เป็น 5% หรือจากปีละ 6 หมื่นล้านบาท เป็น 1.2 แสนล้านบาท ไต่ระดับขึ้นไปตั้งแต่ปี 67-70 นำไปเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กันผู้ประกันตน
รมว.แรงงาน ยังมอบนโยบายให้คณะกรรมการแต่ละชุดพิจารณาดำเนินการ ดังนี้
1.คณะกรรมการประกันสังคมพิจารณาแนวทางให้นายจ้างสร้างหลักประกันสังคมให้กับลูกจ้าง โดยขึ้นทะเบียนและจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมอย่างครบถ้วน เพื่อให้ลูกจ้างได้รับสิทธิประโยชน์และการคุ้มครองตามกฎหมายครบถ้วน
2.คณะกรรมการการแพทย์พิจารณาการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ของลูกจ้างหรือผู้ประกันตน ให้ได้รับสิทธิไม่ด้อยกว่าหรือดีกว่ากองทุนอื่น รวมถึงศึกษานวัตกรรมทางการแพทย์สมัยใหม่ที่ได้รับการรับรองจากนานาชาติ
3.คณะกรรมการอุทธรณ์พิจารณาคำอุทธรณ์ของลูกจ้าง นายจ้าง หรือผู้มีส่วนได้เสียด้วยความรวดเร็ว แต่ต้องอยู่ภายใต้การบังคับใช้กฎหมาย และการวินิจฉัยสิทธิประโยชน์ต้องเป็นมาตรฐานเดียวกัน
4.คณะกรรมการกองทุนเงินทดแทนพิจารณาเรื่องการส่งเสริมความปลอดภัยในการทำงาน พัฒนามาตรการหรือสร้างแรงจูงใจในการลดอุบัติเหตุจากการทำงาน
5.คณะกรรมการตรวจสอบกองทุนเงินทดแทนพิจารณาแนะนำแนวทางการกำกับ ตรวจสอบ และวางระบบการบริหารกองทุน ให้มีความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างเชื่อมั่นให้แก่นายจ้าง ลูกจ้าง และผู้ประกันตน
ด้าน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการ สปส. ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการประกันสังคม และคณะกรรมการอุทธรณ์ กล่าวว่า วันนี้คณะกรรมการฯ ได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และร่วมเสนอแนะแนวทางในการพัฒนาระบบงานประกันสังคมให้เป็นที่ยอมรับ เชื่อมั่น และได้รับความไว้วางใจในการสร้างหลักประกันความมั่นคงในการดำรงชีวิตแก่ลูกจ้าง และผู้ประกันตน โดยคณะกรรมการของ สปส.มีทั้งสิ้น 7 คณะ ในวันนี้มาร่วมประชุม 5 คณะ ส่วนอีก 2 คณะ คือ คณะกรรมการตรวจสอบกองทุนประกันสังคม และคณะกรรมการการแพทย์กองทุนเงินทดแทน อยู่ระหว่างการสรรหาเนื่องจากหมดวาระ
ทั้งนี้ สปส.พร้อมยกระดับกองทุน และขับเคลื่อนตามนโยบายฯ ร่วมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้ใช้แรงงานทุกคน เพื่อวางรากฐานความมั่นคงทางสังคมต่อไป