รายงานข่าวจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกต.มีมติเอกฉันท์เสนอเรื่องพร้อมความเห็นให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล ที่เสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และใช้เป็นนโยบายในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ก่อนที่ประชุม กกต.จะมีมติดังกล่าวได้มีการพิจารณาผลการศึกษาคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญฉบับที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 29 ก.พ. ที่ผ่านมา และความเห็นที่สำนักงาน กกต.เสนอว่าการกระทำของพรรคก้าวไกลเข้าข่ายเป็นความผิดมาตรา 92 (1) พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560
"สำนักงาน กกต.ได้เสนอผลการศึกษาและวิเคราะห์คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวต่อ กกต. โดยเห็นว่า มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคก้าวไกลกระทำการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประซาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560
กกต.ได้พิจารณาผลการศึกษาและวิเคราะห์คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญแล้วมีมติโดยเอกฉันท์ให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคก้าวไกล โดยมอบหมายให้นายทะเบียนพรรคการเมืองเป็นผู้ยื่นคำร้องและดำเนินคดีแทน ตามมาตรา 93 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน" สำนักงาน กกต.แถลง
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคได้วางแผนรับมือกรณียุบพรรคไว้แล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดว่าถึงขั้นเตรียมพรรคสำรองหรือไม่ แต่ยอมรับว่าเตรียมไว้ทุกฉากทัศน์ที่อาจจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้มีการสร้างค่านิยมเรื่องยุบพรรคในการเมืองไทย และมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุแพแตก สส.ย้ายพรรค
"เราจะทำอะไรอย่างมีเอกภาพ ขับเคลื่อนชุดความคิดอย่างเป็นรูปธรรม สส.พรรคไม่เสียสมาธิในการตรวจสอบรัฐบาล ยังคงทำงานเข้มข้นเช่นเดิม"นายพริษฐ์ กล่าว