นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) อภิปรายรัฐบาลในประเด็นที่ไม่ดำเนินการในกระบวนการคุมตัวนักโทษว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับมาถึงประเทศไทยจนถึงวันนี้ ซึ่งสร้างความเจ็บปวดให้กับคนไทย มีการใช้สองมาตรฐานที่นักโทษกว่า 2 แสนรายไม่ได้รับสิทธิเช่นนี้ และยังเป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรมจากระบบท้ายน้ำจนเกิดความล่มสลาย หากเป็นเช่นนี้ ก็ทำให้สิ้นเปลืองทรัพยากรที่ทุ่มลงไปในกระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงมีคำพิพากษา แต่กรมราชทัณฑ์ กลับมีการแก้ไขระเบียบหลายครั้ง เพื่อให้เกิดช่องว่างของกฎหมาย
"เรื่องนี้ สั่นคลอนกระบวนการยุติธรรม ประชาชนจะไม่ใว้ใจ กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว วิกฤตศรัทธาจะรุนแรงเป็นสึนามิ ที่มีข้าราชการประจำเอื้อประโยชน์" นายสมชาย กล่าว
พร้อมระบุว่า เป็นเรื่องแปลกที่สุขภาพของนายทักษิณ ในช่วงก่อนเดินทางกลับมาเมืองไทย และหลังได้รับการพักโทษ ดูแข็งแรงดี แต่ที่ผ่านมา กลับป่วยขั้นวิกฤตตลอด 180 วันในช่วงพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ตำรวจ ซึ่งหากนายทักษิณ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณจริง ก็ควรเข้ารับโทษตามกำหนดเวลาที่ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ
ส่วนกรณีที่มีผู้นำไปร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีกับพวก ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามกฎหมายประมวลอาญา มาตรา 157 แล้ว และคิดว่าน่าจะมีการนำเรื่องไปร้องศาลรัฐธรรมนูญว่าการเอื้อประโยชน์ให้กับนักโทษขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ รวมถึงการร้องศาลปกครอง ให้ชี้ว่ากรณีอนุญาตให้นายทักษิณ พักรักษาตัวใน รพ.ตำรวจ เกิน 120 วัน เป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
"เรื่องนี้คงปล่อยไปเฉยๆ ไม่ได้ ต้องดำเนินการแก้ไข เพื่อให้ความยุติธรรมยังคงมีอยู่" นายสมชาย กล่าว
ขณะที่ นายถวิล เปลี่ยนศรี สว. กล่าวในประเด็นปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมายว่า การอภิปรายของ สว.ไม่มีประเด็นเรื่องการเมือง มีแต่เรื่องบ้านเมือง แต่คำแถลงนโยบายของรัฐบาลที่สวยหรูดูดี กลับทำให้เกิดความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ส่งผลกระทบต่อสิทธิของประชาชนทั้งประเทศ นับตั้งแต่ก้าวแรกที่นายทักษิณกลับมาถึงเมืองไทย ก็มีเรื่องแปลกๆ มีการจัดเตรียมต้อนรับที่สนามบิน เข้าเรือนจำไป 12 ชั่วโมงก็ถูกส่งตัวไปรักษาที่ รพ.ตำรวจ การชี้แจงจากหน่วยงานที่ผ่านมาก็มีข้อน่าเคลือบแคลงสงสัย พอได้พักรักษาตัว ก็มีบุคคลสำคัญเดินทางไปเข้าพบ เป็นต้น
"อาการเจ็บป่วยที่เคยอ้างก็หายไป ไม่วิกฤตเหมือนตอนที่อยู่ รพ.ตำรวจ พอพักโทษ ก็มีคนมาเข้าพบ ไปเชียงใหม่ก็มีคนมาต้อนรับ ไม่ใช่นักโทษ คำชี้แจงค้านกับสายตาของประชาชน คิดว่าเดี๋ยวคนไทยก็ลืม เรื่องนี้จะเป็นบาดแผลลึก" นายถวิล กล่าว
นายถวิล กล่าวว่า กรณีดังกล่าว ส่งผลทำให้เกิดความแตกแยกในสังคม ซึ่งจะมาอ้างเรื่องสร้างความปรองดองด้วยการเหยียบหัวคนอื่นไม่ได้ นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างค่านิยมที่ผิดให้กับสังคมในเรื่องความซื่อสัตย์ และทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายให้สูญสลายไปในพริบตา
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ชี้แจงว่าในการทำหน้าที่ไม่เคยได้รับการสั่งการจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในสิ่งที่ขัดต่อกฎหมายและคุณธรรม และการกลับเข้ามารับโทษของนายทักษิณ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ก็เป็นตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งขณะนั้นอยู่ในยุครัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ส่วนข้าราชการประจำรองปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครยังเป็นชุดเดียวกัน โดยตั้งแต่เข้ามาทำหน้าที่ไม่ได้สั่งปรับเปลี่ยนใคร
พ.ต.อ.ทวี ยังชี้แจงเรื่องการพักโทษว่า ราชทัณฑ์หรือรมว.ยุติธรรมไม่ได้มีอำนาจที่จะพักโทษใคร แต่เป็นอำนาจของคณะกรรมการพักโทษ ซึ่งมีการพิจารณาทุกเดือนเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่มีมาก่อนแล้ว และกรณีของนายทักษิณนั้น ทางผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข มีความเห็นว่า เป็นกรณีเข้าหลักเกณฑ์ผู้สูงอายุ และเหลือโทษไม่มากนัก ช่วยตัวเองได้ไม่ดีพอ