เครือข่ายภาคประชาสังคมจาก 16 จังหวัดยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรฯ (Entertainment Complex) เพื่อแสดงจุดยืนและความห่วงใย ที่สภาผู้แทนราษฎรกำลังจะพิจารณารายงานผลการศึกษา พร้อมร่างกฎหมายเปิดให้มีสถานบันเทิงครบวงจร ที่มีกาสิโนหรือบ่อนพนันถูกกฎหมายในประเทศไทย
นายบุญสืบ พันธ์ประเสริฐ เครือข่ายภาคประชาสังคมจากจังหวัดสระบุรี กล่าวว่า เครือข่ายฯ ได้ติดตามข่าวเกี่ยวกับการขยายตัวและอิทธิพลของเว็บพนันที่ส่งผลต่อความขัดแย้งของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ จนนายกรัฐมนตรีมีคำสั่งโยกย้ายทั้งสองมาประจำการที่สำนักนายกรัฐมนตรี รวมถึงการทลายบ่อนพนันขนาดใหญ่ที่จังหวัดนนทบุรีที่นำมาสู่การแสดงความเห็นของรมว.มหาดไทย และผู้ช่วยผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในทำนองเห็นด้วยกับการทำให้แหล่งพนันผิดกฎหมายเหล่านี้ถูกกฎหมาย
สอดรับกับที่สภาผู้แทนราษฎรกำลังมีความพยายามเสนอให้ประเทศไทยมีสถานบันเทิงครบวงจร ที่มีกาสิโนหรือบ่อนพนันถูกกฎหมายหลากหลายขนาด ทั้งขนาดใหญ่มาก ขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะมีโอกาสเข้ามาอยู่ใกล้เขตเมืองและชุมชนมากขึ้น
โดยเครือข่ายฯ จึงสอบถามความเห็นจากประชาชนต่อความเห็นชอบและความเชื่อมั่นของประชาชนในเรื่องนี้ ในช่วงวันที่ 23-25 มี.ค. ที่ผ่านมา มีประชาชนตอบแบบสอบถามทั้งสิ้น 2,716 ราย สรุปผลได้ดังนี้
1. 85.6% ไม่เอาด้วยให้มีกาสิโนหรือบ่อนการพนัน มาเปิดในจังหวัด ในอำเภอ หรือใกล้ชุมชนของตน
2. 88.92% ไม่เชื่อมั่นว่าภาครัฐ เช่นเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือกระทรวงมหาดไทย จะสามารถดูแลไม่ให้บุคคลและธุรกิจผิดกฎหมาย เช่น การค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ ผู้มีอิทธิพลและมือปืน หรืออื่นๆ เข้ามาข้องเกี่ยวกับแหล่งพนันเหล่านั้น
3. 90.28% ไม่เชื่อมั่นว่าบ่อนพนันเหล่านี้จะปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ปล่อยปละละเลยให้ผู้ที่ไม่เหมาะสม เช่น ผู้มีปัญหาการเงิน ผู้ติดพนัน และเด็กเยาวชน เข้าเล่นพนัน
4. 83.84% ไม่เชื่อมั่นว่าประเทศจะได้รับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่คุ้มค่า สามารถเก็บภาษีได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และกระตุ้นเศรษฐกิจให้เจริญเติบโตอย่างมากมาย หากให้มีแหล่งพนันถูกกฎหมาย สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนไม่ต้องการให้พื้นที่ของตนเป็นที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจร ไม่เชื่อมั่นในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินหากมีแหล่งพนันมาอยู่ในพื้นที่ และไม่เชื่อมั่นว่าประเทศจะได้ผลประโยชน์คุ้มค่า
ด้าน นายศรัทธา ปลื้มสูงเนิน เครือข่ายภาคประชาสังคมจากจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ภาคประชาสังคมเข้าใจดีว่ารัฐบาลมีความหวังว่าการมีกาสิโนภายใต้สถานบันเทิงครบวงจรจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดการลงทุน การจ้างงาน และดึงดูดให้เกิดการใช้จ่ายของกลุ่มผู้มีรายได้สูงจากต่างประเทศและในประเทศ
อย่างไรก็ดี อาจจะต้องแลกด้วยปัญหาสังคมและอาชญากรรม เรื่องนี้จึงควรต้องดำเนินการอย่างรอบคอบและรัดกุม เพื่อให้ได้ประโยชน์ดังหวังและไม่เกิดโทษตามมา จึงมีข้อเสนอต่อท่านประธานคณะกรรมาธิการฯ ผ่านไปยังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาล ดังนี้
1. ขอให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาล คำนึงถึงผลที่จะเกิดตามมาในอนาคต หากตัดสินใจกระทำการโดยขาดความรอบคอบ ขาดการศึกษาอย่างรอบด้าน และขาดมาตรการที่รัดกุม การตัดสินใจในครั้งนี้อาจเป็นการสร้างมรดกบาปแก่อนุชนคนรุ่นหลัง ให้ต้องอยู่กับสิ่งที่เขาไม่ได้เป็นผู้สร้าง แต่กลับต้องเป็นผู้รับผลกระทบที่เลวร้าย
2. ขอให้ประธานกรรมาธิการฯ ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รายงานความห่วงใยของประชาชนข้างต้น และหวังว่ารัฐบาลจะรับฟัง เพื่อแสวงหามาตรการที่นำมาสู่การเกิดความเชื่อมั่นของประชาชนอย่างสูงที่สุด หากตราบใดยังไม่สามารถหาแนวทางและวิธีการที่ดีพอได้ ประชาชนก็มิอาจเห็นชอบให้รัฐบาลดำเนินการเรื่องนี้ได้ ทั้งนี้ เครือข่ายภาคประชาสังคมจะเฝ้าติดตามการดำเนินการของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด
3. ขอให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาล ให้ความสำคัญกับการเปิดพื้นที่ประชาพิจารณ์ สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและเห็นต่าง โดยการให้ข้อมูลอย่างรอบด้าน จากงานศึกษาวิจัยทางวิชาการที่เป็นกลาง และมีความน่าเชื่อถือ และมีกระบวนการรับฟังความเห็นต่างอย่างสร้างสรรค์ ด้วยฝ่ายจัดการที่เป็นตัวแทนของภาคประชาชน
ทั้งนี้ เครือข่ายภาคประชาสังคมจาก 16 จังหวัด หวังว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาล จะตัดสินใจในเรื่องนี้อย่างเต็มเปี่ยมด้วยวุฒิภาวะ ไม่คำนึงเพียงผลประโยชน์ระยะสั้น หรือผลประโยชน์เฉพาะบุคคลบางกลุ่มบางพวก และขอให้ตระหนักเป็นที่ยิ่งว่าการเพิ่มแหล่งการพนัน แม้จะเป็นแหล่งถูกกฎหมายก็ตาม อาจตามมาด้วยปัญหาและผลกระทบที่มากมายเกินกว่าจะประเมินค่าได้ แม้สถานบันเทิงครบวงจรอาจสร้างผลกำไร และรายได้แก่ผู้ประกอบกิจการและรัฐบาล แต่ผู้ขาดทุนที่แท้จริงคือประชาชน