สส.พรรคก้าวไกล เปิดเผยถึงกรณีการประชุมสภาฯ เมื่อวานนี้ (28 มี.ค.) เพื่อพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่องศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ซึ่งพรรคก้าวไกลเห็นว่ารายงานดังกล่าวมีปัญหา ขาดความสมบูรณ์ แต่มติที่ประชุมสภาฯ กลับเห็นด้วยกับรายงานและข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ให้ส่งไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ดำเนินการต่อไป
นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง เขต 4 พรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคก้าวไกลตั้งใจอย่างยิ่งที่จะให้รายงานฉบับนี้ ซึ่งเป็นรายงานที่สำคัญมาก ผ่านไปได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด โดยเนื้อหาการอภิปรายมี สส. หลายคนจากทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล อภิปรายในทิศทางที่แตกต่างหลากหลาย แม้แต่การแถลงของประธาน กมธ. ก็มีข้อติดขัดหลายเรื่องที่เหมือนยอมรับกลายๆ ว่ารายงานไม่สมบูรณ์
ทั้งนี้ เมื่อทราบว่าประธาน กมธ. ยืนยันให้เดินหน้าต่อโดยไม่สนใจข้อทักท้วง เราจึงขอให้มีการตรวจสอบองค์ประชุมเพื่อยืนยันความมุ่งมั่นของรัฐบาลว่าจะผ่านรายงานให้ได้ภายในวันนั้น ซึ่งขอชื่นชมที่ทางรัฐบาลมีองค์ประชุมครบ และความจริงก็ควรเป็นหน้าที่ปกติที่ทาง สส. พรรครัฐบาลควรทำให้ได้ เพราะถือเป็นองค์ประชุมหลัก
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า จุดประสงค์สำคัญของรายงานฉบับนี้ แยกออกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่หนึ่งคือการแก้ไขปัญหาพนันผิดกฎหมาย ส่วนที่สองคือในแง่ธุรกิจ แต่ในรายงานฉบับนี้แทบไม่พูดถึงการแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย รายงานจึงขาดความสมบูรณ์ พวกเราทักท้วงว่ากลับไปปรับปรุงเพิ่มเติมดีกว่าหรือไม่ เนื่องจากวันนี้เรามีปัญหาการพนัน ทั้ง พนันออนไลน์ บ่อนตามจังหวัดต่างๆ
การตั้ง Entertainment Complex จะนำไปสู่การแก้ปัญหาเหล่านี้หรือไม่ คิดว่าไม่ใช่ เราแทบไม่มีมาตรการเรื่องนี้ แต่สภาฯ กลับจะผ่านรายงานทั้งที่ไม่ตอบโจทย์ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันแม้แต่น้อย สถานการณ์ปัจจุบันมี Entainment Complex เกิดขึ้นรอบชายแดนในประเทศเพื่อนบ้านไม่น้อยกว่า 150 แห่ง ถ้าประเทศไทยทำกาสิโนถูกกฎหมายให้เกิดขึ้นในประเทศ คนไทยที่เดิมเป็นลูกค้าหลักของกาสิโนในประเทศเพื่อนบ้าน ก็จะกลับมาเล่นในประเทศ
"เราไม่ได้ต้องการไม่ผ่านรายงานฉบับนี้ ถึงแม้ทราบดีว่ารายงานฉบับนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยกับ การที่สุดท้ายรัฐบาลจะดำเนินการโปรเจกต์นี้ รัฐบาลดำเนินการได้อยู่แล้ว แต่ในเมื่อรายงานต้องออกจากสภาฯ เป็นความรับผิดชอบร่วมของทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน จึงมีความจำเป็นต้องทำให้ดีที่สุด ยังไม่นับว่าสุดท้ายผู้ที่จะมาลงทุนในส่วนที่เป็นกาสิโนจะเป็นทุนสีเทาหรือไม่ นี่คือสิ่งที่กังวล และเป็นเหตุผลทั้งหมดที่พรรคก้าวไกลยืนยันไม่แสดงตน ไม่ร่วมโหวตกับร่างรายงานฉบับนี้" นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ ตั้งข้อสังเกต 6 ประเด็น คือ
1. โมเดลที่เราอยากได้เป็นแบบไหน ต้องไม่ใช่โมเดลแบบสามเหลี่ยมทางคำหรือปอยเปต แต่คือโมเดลแบบสิงคโปร์หรือโอซาก้าที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งการจะทำให้สำเร็จโดยไม่ให้มีจุดจบแบบสีหนุวิลล์ จำเป็นต้องมีมาตรการรองรับเยอะมาก เช่น เราจะเอาอย่างไรกับการฟอกเงิน การป้องกันสแกมเมอร์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การป้องกันการค้ามนุษย์ ซึ่งรายงานฉบับนี้เมื่อพิจารณาแล้ว ยังขาดความสมบูรณ์อยู่มาก
2. กรรมาธิการที่ทำรายงานฉบับนี้ มีการประชุมเพียง 11 ครั้ง เดือนธันวาคม 2566 ประชุม 0 ครั้ง เดือนมกราคมและเดือนกุมภาพันธ์ ประชุมเดือนละ 2 ครั้งเท่านั้น และในการประชุมใช้วิธีแบ่งอนุกรรมาธิการศึกษา แล้วให้อนุฯ กลับมารายงาน คำถามคือเรากำลังจะทำเรื่องที่ใหญ่มาก แต่ประชุมกันแค่นี้
3. หากพิจารณาให้ถี่ถ้วน รายงานฉบับนี้พยายามผลักดันเรื่องการทำกาสิโนที่ไม่ได้ปฏิเสธคนไทยที่จะเข้าไปเล่น ซึ่งแตกต่างจากโมเดลประเทศอื่น แต่สิ่งที่ตนเห็นว่าสำคัญมากคือการนำเรื่องการเสียภาษีของคนไทยมาใช้เป็นใบอนุญาตเป็นนักเล่นพนัน เพราะถ้าเก็บแค่ค่าเรียกเข้า จะไม่แก้ปัญหาที่หลายคนกังวลว่าจะนำไปสู่การติดพนันและทำลายสถาบันครอบครัว ดังนั้นอาจมีมาตรการเช่นถ้าเสียภาษีถึงเกณฑ์ก็ได้บัตรเล่นเป็นการดึงให้คนอยากเสียภาษีเพิ่มด้วย น่าเสียดายที่เราไม่มีการถกเถียงเรื่องนี้เท่าที่ควร
4. การที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ประธาน กมธ. ระบุว่ารายงานศึกษาฉบับนี้ เนื้อหาสาระเป็นแค่โมเดล ต้องมีการศึกษาใหม่ นั่นเท่ากับเป็นการยอมรับหรือไม่ว่ารายงานฉบับนี้ไม่สมบูรณ์ ถ้าเช่นนั้นเพราะอะไรจึงไม่ทำรายงานเล่มนี้ให้สมบูรณ์ตั้งแต่แรก และหากไปดูในส่วนกรรมการ จะเห็นว่าได้รับแรงบันดาลใจอย่างมากจากบอร์ดอีอีซี หรือคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งตนขอตั้งคำถามว่าการทำ Entertainment Complex จะใช้วิธีการแบบอีอีซีได้หรือ
"บอร์ดระดับชาติที่ท่านกำหนดไว้ แทบจะยก ครม. น้อยมาทำ ท่านมีเวลาประชุมหรือ สุดท้ายหน่วยที่จะเป็นองคาพยพในการบริหารจัดการ จะกลายเป็นแค่สำนักเลขาธิการ" นายรังสิมันต์ กล่าว
5. ในรายงานบอกว่าจังหวัดที่มีศักยภาพในการตั้งสถานบันเทิงครบวงจร มีทั้งสิ้น 44 จังหวัด แต่ที่ผ่านมามีการคุยกันไปแล้วว่าอู่ตะเภาจะเป็นที่แรก และเซ็นสัญญาไปแล้ว โดยกลุ่มบริษัท BBS ซึ่งประกอบด้วย BTS, Bangkok Airways และ Sino-Thai ตนจึงอยากทราบว่าความโปร่งใสอยู่ตรงไหน เท่ากับเป็นการล็อกแล้วหรือไม่ว่าจะอยู่ภายใต้การผูกขาดหรือดูแลของใคร สิ่งที่น่ากังวลมากคือสุดท้ายเราจะไม่ได้แบบสิงคโปร์ แต่ประเทศไทยอาจกลายเป็นศูนย์รวมของบรรดาจีนเทาแห่งใหม่
6. สิ่งที่กังวลอย่างมาก คือรายงานฉบับนี้ได้รับมติจากสภาฯ ในการทำเพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ แต่ดูจากรายงานผลออกมามีแค่ด้านเดียวเศรษฐกิจอย่างเดียว ไม่มีด้านกฎหมายเลย หากอ่านรายงานโดยละเอียด เมื่อถามว่าจะแก้ปัญหาพนันผิดกฎหมายอย่างไร สรุปก็แก้ไม่ได้ ให้เป็นเรื่องของตำรวจ แบบนี้ถามว่าสุดท้ายเราได้อะไรกลับมา
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้ยืนยันว่าไม่ได้คัดค้านเรื่องการมีกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย แต่ทำแล้วต้องทำให้ดี ทำแล้วจะไม่สร้างปัญหาใหม่ นี่คือสิ่งที่เราต้องการ แต่ถ้ารายงานออกมาแบบนี้ ตนเห็นว่าให้นำรายงานนี้กลับไปทำใหม่ดีกว่า แล้วมาช่วยกันตามวันที่เคยตกลง เชื่อว่าเมื่อคุยแล้วจะทำให้รายงานนี้ดีขึ้น กรรมาธิการและ สส. มีเวลาโฟกัส
"เรื่องนี้เรื่องใหญ่ ถ้าทำแล้วต้องทำให้ดี ส่งไปที่ ครม. จะได้รับลูกและนำเอาวิธีการแก้ไขไปใช้ได้เลย ไม่ใช่ไปทำการศึกษากันอีกครั้ง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่มีการให้ข่าวว่าก้าวไกลขวางเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจ เรื่องกาสิโนของประเทศ เพราะสิ่งที่หวังคือให้รายงานที่ออกจากสภาฯ ออกมาดีที่สุด" นายรังสิมันต์ กล่าว