นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวชี้แจงภายหลังนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้กล่าวเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ โดยระบุว่า ยินดีที่วันนี้ได้มารับฟังความคิดเห็นจากสมาชิกทั้ง 2 ฝ่าย เป็นโอกาสที่ดีที่จะมาตอบข้อสงสัย และเชื่อว่ารัฐมนตรีทุกคนพร้อมให้ความกระจ่าง ยืนยันว่าจะให้เวลาสำหรับการอภิปรายใน 2 วันนี้ เพื่อให้มีการพูดคุยกันอย่างสร้างสรรค์
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า สิ่งที่นายชัยธวัช พูดนั้นเป็นคำพูดที่แรงพอสมควร อย่างเช่น สิ้นหวัง ล้มเหลว ไม่โปร่งใส ไม่ปฏิรูป ถอยหลัง วกวน ปิดบัง ทำลาย อย่างไรก็ดี ก็ยังมีอีกด้าน เช่น มีหวัง สำเร็จ สิทธิ พัฒนา ปฏิรูป โดยเชื่อว่าหลายอย่างที่รัฐบาลดำเนินการเป็นเรื่องที่เป็นบวก มีอนาคต และเห็นแสงสว่าง โดยมั่นใจว่ารัฐบาลทำงานด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส ยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง และรัฐมนตรีทุกคนพร้อมชี้แจงกับสิ่งที่ทำงานมาตลอด 6 เดือน และพร้อมให้ความกระจ่างกับสมาชิกที่ไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ตอบชี้แจงในแต่ละประเด็น เช่น ในเรื่องการแก้ปัญหาหนี้สินที่มีการอภิปรายว่ารัฐบาลไม่มีการจัดการนั้น ยืนยันว่า รัฐบาลได้ตั้งคณะทำงานเข้ามาดูแลเรื่องหนี้นอกระบบ และหนี้เกษตรกร โดยได้มีการพักหนี้ ไม่ได้มีการเพิกเฉย
ส่วนเรื่องของพลังงาน รัฐบาลได้ดูแลเรื่องของราคาน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล ค่าไฟฟ้า ซึ่งรัฐบาลจะดูแลต่อไป และไม่ได้นิ่งนอนใจกับค่าใช้จ่ายของประชาชนที่สูงขึ้น
ในขณะที่เรื่องของยาเสพติด มีการทำงานกันอย่างชัดเจน มีคณะทำงานประกอบด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กระทรวงสาธารณสุข และกระบวนการยุติธรรมต่างๆ ซึ่งไตรมาสที่ 4 ปีที่แล้ว รัฐบาลสามารถจับยาเสพติดได้มากกว่าปีก่อนทั้งปี
เรื่องการท่องเที่ยว ที่จะทำให้ประชาชนมีรายได้มากยิ่งขึ้น โดยรัฐบาลได้ดำเนินการไปหลายอย่าง เช่น วีซาฟรี ที่ทำให้การค้าระหว่างประเทศไปมาหาสู่ได้ดีขึ้น ดึงนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โรงแรมมียอดจองเพิ่มขึ้น โดยจะมีการยกระดับวีซาฟรีอีกหลายๆ ประเทศ ซึ่งเรื่องนี้ต้องใช้เวลาดำเนินการ
ส่วนเรื่องของรายได้เกษตรกร นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลตระหนักดีในเรื่องแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตร โดยขณะนี้จะเห็นได้ว่าสินค้าเกษตรหลายตัวราคาดีขึ้น เช่น ราคายางพารา ที่ขณะนี้ราคาขึ้นมาอยู่ที่กก.ละเกือบ 100 บาท จากก่อนหน้าที่ กก.ละ 30-40 บาท เช่นเดียวกับราคาข้าว ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ไปเปิดตลาดใหม่ๆ ในหลายประเทศ และทูตพาณิชย์ร่วมทำงานกันอย่างบูรณาการ
ปัญหาเรื่องฝุ่น PM 2.5 รัฐบาลได้เสนอร่าง พ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด เพื่อบริหารจัดการและควบคุมกิจกรรมที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศในทุกมิติ ซึ่งแม้ปัจจุบันจังหวัดเชียงใหม่ยังมีฝุ่น PM2.5 ติดอันดับโลกอยู่ แต่ถ้านำไปเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาจะพบว่า จำนวนฮอตสปอตลดลงเป็นจำนวนมาก
ส่วนกรณีการเดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้งนั้น นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เป็นความจำเป็นที่จะต้องเดินทางไป เพราะในฐานะที่ตนเป็นผู้นำหน้าใหม่ จำเป็นต้องเดินทางไปพบปะกับผู้นำต่างประเทศ รวมถึงแลกเปลี่ยนนโยบาย เพื่อให้ประเทศไทยมีตัวตนในเวทีโลก อีกทั้งมีการเดินหน้าเจรจา FTA อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ก็ต้องใช้เวลา เพราะรัฐบาลทำงานแค่ 7 เดือนเท่านั้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวในตอนท้ายว่า หากสมาชิกมีข้อเสนอแนะที่ดี ก็ยินดีรับฟัง และหากมีข้อกล่าวหาอะไรก็ขอหลักฐาน และเหตุผลมา เช่น เรื่องกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม หลังประเทศผ่านการเลือกตั้งมา เชื่อว่าประเทศไทยมีความก้าวหน้าในระบอบประชาธิปไตยเพิ่มขึ้น