พรรคก้าวไกล โหมโรงศึกอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ 3-4 เม.ย.นี้ จั่วหัว "รัฐบาลเพื่อใคร? หัวใจไม่ใช่ประชาชน" พร้อมโพสต์เฟซบุ๊กพรรคก้าวไกล ระบุ "7 เดือน ที่ประชาชนที่ผิดหวังกับการจัดตั้งรัฐบาล...รัฐบาลที่จัดตั้งมาโดยฝืนความต้องการของประชาชน จะรับใช้ประชาชน หรือรับใช้คนที่อนุญาตให้ตนได้กลับมามีอำนาจ?"
พร้อมกับเปิดประเด็นที่ประชาชนผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็น "ดิจิทัลวอลเล็ตยังไม่มา ค่าแรงขึ้นเป็นหย่อมๆ ค่าไฟแพงขึ้นเรื่อยๆ ลูกหลานยังต้องไปเกณฑ์ทหาร นักโทษคดีการเมืองยังติดคุก (และบางคนได้กลับบ้าน)"
- "ดิจิทัลวอลเล็ตยังไม่มา" โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่ยังไม่ความมีชัดเจนว่า จะคลอดโครงการออกมาได้เมื่อไร แม้ล่าสุดประกาศว่าจะโอนเงินได้ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 67 แต่ก็ต้องรอลุ้นว่า ในการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ต ในวันที่ 10 เม.ย.นี้ จะกำหนดวันที่ลงตัวได้หรือไม่ จึงเชื่อได้ว่าพรรคก้าวไกล คงหยิบประเด็นนี้มาชี้ให้เห็นถึงความผิดพลาดของรัฐบาล ที่ไม่มีความชัดเจนในการดำเนินการตั้งแต่ต้น จนทำให้ประชาชนต้องตั้งตารอคอย
- "ค่าแรงขึ้นเป็นหย่อมๆ" เรื่องการปรับขึ้นค่าแรง แม้กระทรวงแรงงาน จะมีมติล่าสุดที่ปรับค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท/วัน แต่พรรคก้าวไกลมองว่า เป็นการปรับขึ้นค่าแรงที่ไม่เป็นธรรม และไม่เท่าเทียมทั่วประเทศ เพราะบางจังหวัดขึ้นแค่ตำบลเดียว และคงมีการเสนอให้รัฐบาลมีการปรับสูตรคำนวณอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่
- "ค่าไฟแพงขึ้นเรื่อยๆ" ประเด็นนี้ทางพรรคก้าวไกล เคยตั้งคำถามรัฐบาลในเรื่องพลังงานว่าเอื้อให้กับกลุ่มทุนหรือไม่ หลังจากราคาเชื้อเพลิงลดลง แต่ค่าไฟเท่าเดิม ทั้งที่ราคาควรต่ำกว่า 4 บาทต่อหน่วย
ซึ่งปัญหาค่าไฟ พรรคก้าวไกล ย้ำมาโดยตลอดว่าต้องแก้ที่โครงสร้าง ไม่ใช่การลูบหน้าปะจมูกแบบนี้ไปเรื่อยๆ สัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ผลักภาระให้ประชาชน แล้วก็ชอบเปิดประมูลให้นายทุน รวมถึงยังไม่มีความชัดเจนเรื่องแผนพลังงานชาติ 2023
- "ลูกหลานยังต้องไปเกณฑ์ทหาร" เป็นประเด็นที่อยู่ในกระแส เพราะปีนี้เริ่มเกณฑ์ทหารวันที่ 1 เมษายน 2567 ซึ่งพรรคก้าวไกลเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งยกเลิกการเกณฑ์ทหารโดยเร็ว แต่ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด คงต้องติดตามว่าพรรคก้าวไกลจะมีข้อเสนออย่างไรในประเด็นนี้
- "นักโทษคดีการเมืองยังติดคุก (และบางคนได้กลับบ้าน)" สำหรับประเด็นนี้ไม่ต้องเก็งข้อสอบ เพราะพุ่งเป้าไปที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางกลับไทยตั้งแต่เมื่อ 22 ส.ค.66 และถูกมองว่าได้รับอภิสิทธิ์ชนตั้งแต่ถึงเมืองไทย เพราะได้รับการพักโทษ และไม่ต้องนอนคุกแม้แต่วันเดียว โดยเข้ารักษาตัวที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ ตั้งแต่ช่วงดึกของคืนวันที่ 22 ส.ค. จนผ่านล่วงเลยมา 6 เดือน ก่อนจะครบเกณฑ์พักโทษเมื่อวันที่ 18 ก.พ.67 และเริ่มมีความเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยเฉพาะการเข้าไปที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 26 มี.ค.67 โดยมีบรรดาแกนนำพรรคให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ยิ่งเป็นการตอกย้ำทำให้เห็นภาพว่า นายทักษิณ คือ ผู้นำตัวจริงของพรรคเพื่อไทย
จึงเชื่อได้ว่า พรรคก้าวไกล จะหยิบยกเรื่องนี้ ตั้งคำถามถึง "กระบวนการยุติธรรม" ต่อการดำเนินคดีกับนักโทษที่เคยหลบหนีทางการเมือง ว่า เป็นการเลือกปฏิบัติ หรือ สองมาตรฐานหรือไม่
ส่งนพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะอภิปรายอย่างไรก็โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง เพราะจากกระแสข่าวปรับครม.ที่ออกมาในช่วงก่อนหน้านี้ ไม่เป็นผลดีต่อพรรคเลย เพราะหากอภิปรายไม่เข้มข้น ก็จะถูกกล่าวหาว่าเข้าข้างรัฐบาลเพื่อหวังได้เข้าร่วมรัฐบาล แต่หากอภิปรายเข้มข้น ก็จะถูกกล่าวหาว่ากดดันเพื่อร่วมรัฐบาล สรุปว่างานนี้ยี่ห้อประชาธิปัตย์ อาจเสียทั้งขึ้นทั้งล่อง