นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ชี้แจงหลังการอภิปรายของนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคก้าวไกล เกี่ยวกับนโยบายกองทัพ ถึงการตัดลดงบประมาณเรือฟริเกตของกรรมาธิการงบประมาณว่า การอภิปรายของนายวิโรจน์ ที่โฆษณาไว้ว่าจะอภิปรายแบบคุณภาพคับแก้ว แต่พอเอาเข้าจริง กลับเป็นเรื่องเก่า เรื่องเดิมที่เคยพูด และตนได้เคยตอบไปแล้ว โดยที่ 90% เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดที่แล้ว แต่นายวิโรจน์ กลับอภิปรายให้เข้าใจว่าเป็นปัญหาเกิดขึ้นในรัฐบาลนี้
นายสุทิน ยอมรับว่า ในการตั้งงบอาวุธจัดซื้อเรือฟริเกตของรัฐบาลนั้น รัฐบาลหนักใจที่สุด เพราะกังวลที่พรรคก้าวไกลตำหนิทุกปี จึงตัดงบประมาณดังกล่าว และในปีต่อไป จะมียุทธศาสตร์การจัดซื้อไม่ให้ซ้ำซ้อน และไม่ให้เงินค้างท่อ แต่กลายเป็นว่ารัฐบาลแทงม้าผิดตัว หลงมุม เพราะพรรคก้าวไกลกลับสนับสนุน ดังนั้น ในปีหน้า หากรัฐบาลให้งบประมาณแก่กองทัพเรือจัดซื้อเรือฟริเกต ขอฝ่ายค้านอย่าตำหนิรัฐบาลอีก
นายสุทิน กล่าวว่า กองทัพมีปัญหาในโครงสร้าง ไม่ปฏิเสธว่านโยบายกองทัพของรัฐบาลไม่ใช่เป็นการคิดใหม่ แต่เป็นการทำต่อจากรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะเมื่อตนรับตำแหน่งรมว.กลาโหมแล้ว ก็ได้พบว่ากองทัพก็มีการปฏิรูปตัวเองเช่นเดียวกัน ตนจึงใช้ไม้อ่อนให้คนในได้ปฏิรูปกันเอง เพราะการปฏิรูปกับการปฏิวัติต่างกัน "ปฏิวัติ" คือ ฉับพลันทันด่วน ไม่ต้องมีส่วนร่วม แต่ "ปฏิรูป" คือ ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผิดชอบ และได้ตั้งคณะทำงาน 10 ชุด มาแก้ปัญหาในกองทัพ เช่น การเลือกทหารกองประจำการ การฝึกนักศึกษาวิชาทหาร การดำเนินการด้านสวัสดิการกำลังพล การแก้ไขร่างกฎหมายความมั่นคง การศึกษาแนวทางที่เหมาะสมกับการจัดหาเรือดำน้ำ
นายสุทิน ชี้แจงถึงการกู้เรือหลวงสุโขทัยว่า ขณะนี้การสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งการจะไปลงโทษเอาผิด ไม่ใช่วิธีการบริหารที่ถูกต้อง เพราะขั้นตอนยังไม่แล้วเสร็จ และต้องรอรายงานผลการสอบสวน เพื่อนำไปตรวจสอบ ซึ่งถ้าเป็นการปาหี่จริง ก็ยืนยันว่าจะตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาตรวจสอบได้ โดยเป็นการตั้งคณะกรรมการจากภายนอก แต่ในวันที่ 9 เม.ย.นี้ กองทัพเรือ จะสรุปผลสอบสวนว่าใครผิด หรือใครถูก และใครต้องได้รับการลงโทษ พร้อมยืนยันเรื่องนี้จะไม่มีแพะเด็ดขาด
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวว่า รู้สึกผิดหวัง เพราะเป็นเรื่องเดิมๆ พร้อมยืนยันว่าเรื่องที่ รมว.กลาโหมกำลังทำอยู่ เป็นการพัฒนาร่วมกัน แต่หากจะใช้คำว่าปฏิรูป ตนก็จะใช้คำว่าพัฒนาร่วมกันไป อันนี้มีความเห็นต่างกัน แต่เชื่อว่าเราก็มีการพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น ทั้งนี้ รัฐบาลทำงานมาแค่ 7 เดือน และเชื่อว่าหากให้เวลาสักระยะ ก็จะเห็นผลงานที่ได้พยายามทำกันมาอย่างต่อเนื่อง
"ฟังมา 40 นาที ก็ยังเข้าใจว่า เป็นฝ่ายค้านที่งงอยู่เหมือนกัน เพราะพวกท่านเคยพูดว่า เอาเรือประมงมารบ แทนเรือรบ แต่วันนี้ก็จะมาสนับสนุนให้ซื้อเรือรบอีก ก็งุนงงมาก แต่ก็ไม่เป็นไร เรื่องการใช้วาทะกรรม ผมว่าเรามาพูดกันเรื่องเนื้องานดีกว่า เราพยายามที่จะพัฒนากองทัพต่อไป เรื่องการซื้ออาวุธ ก็จะให้มีความโปร่งใส ซื่อสัตย์ สุจริต และคำนึงถึงการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ที่ภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ จะได้ประโยชน์จากการที่เราซื้อขายอาวุธด้วย ขอยืนยันอีกครั้งว่า กองทัพมีไว้เพื่อความมั่นคงของประเทศ" นายกฯ กล่าว