สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้ร่วมกันเข้าชื่อ 40 คน เพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความสิ้นสุดลงของตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน และตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของนายพิชิต ชื่นบาน หลังมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญ ในประเด็นขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และมีพฤติกรรมฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ผ่านนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา และล่าสุดเรื่องดังกล่าวได้ถูกส่งไปศาลรัฐธรรมนูญเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนแล้ว
นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม หนึ่งในสว.ที่ร่วมลงชื่อ กล่าวว่า ถือเป็นการทำหน้าที่ฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทยตามหน้าที่และอำนาจของ สว.ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในปัจจุบัน หลังประเด็นการดำรงตำแหน่งของนายพิชิต มีผู้แสดงความเห็นในวงกว้าง และเวทีสาธารณะว่าเหมาะสมหรือไม่ เมื่อพิจารณาตามข้อกฎหมายเห็นว่าควรส่งเรื่องให้องค์กรที่มีหน้าที่คือ ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้พิจารณาวินิจฉัย โดยมี สว.ร่วมเข้าชื่อ 40 คน จากที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ใช้ไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของ สว.ที่มีอยู่
สำหรับเหตุผลในการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา คือ คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งกรณีของนายพิชิตนั้นมีข้อเท็จจริงปรากฎให้เห็นว่ามีการละเมิดอำนาจศาล และมีคำสั่งศาลให้จำคุก ทั้งนี้มีคำบรรยายรายละเอียดข้อเท็จจริงของศาลที่ชัดเจนว่ามีพฤติกรรมทุจริตติดสินบนต่อกระบวนการยุติธรรม และถูกนำเรื่องเข้าสู่สภาทนายความให้ลบชื่อจากการเป็นทนายความ ดังนั้นจึงเป็นกรณีที่ชัดแจ้งว่าไม่มีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ และยังมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง
นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า ส่วนกรณียื่นให้พิจารณาการดำรงตำแหน่งนายกฯ ของนายเศรษฐา เป็นกรณีสืบเนื่องกัน เพราะมีประเด็นทักทวงต่อการตั้งนายพิชิตให้ดำรงตำแหน่ง แต่ทำไมนายกฯ ยังเสนอชื่อให้โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายพิชิตเป็นรัฐมนตรีอีก ดังนั้นจึงถือเป็นความรับผิดชอบของนายกฯ
"กรณีนายกฯ ต้องให้ความเป็นธรรมด้วย ส่วนที่ระบุว่าได้หารือกับกฤษฎีกาแล้ว พบว่าเป็นการหารือที่ไม่ตรงประเด็น ทั้งระยะเวลาการพ้นโทษ และการตีความระหว่างคำสั่ง กับคำพิพากษาเหมือนกันหรือไม่ ทั้งนี้เรายังพบประเด็นที่เป็นปัญหา จึงเข้าชื่อเพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย" นายดิเรกฤทธิ์ กล่าว