นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะผู้นำรายชื่อ 40 สว. ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบคุณสมบัตินายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และนายพิชิต ชื่นบาน อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เป็นการทำหน้าที่ตามปกติของ สว. เพราะเมื่อฝ่ายค้านไม่ทำหน้าที่ตรวจสอบ ก็เป็นหน้าที่ของ สว.ที่จะต้องดำเนินการ เพราะเห็นว่าเป็นกรณีที่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ โดยเฉพาะคุณสมบัติของคนที่เป็นรัฐมนตรี จะต้องเหนือกว่าคุณสมบัติของ สส. ที่ต้องไม่มีความผิดเรื่องจริยธรรมหรือมีเบื้องหลัง
พร้อมย้ำว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องของบ้านเมือง เพราะผู้ที่เป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องรับผิดชอบ ถ้ารู้อยู่แล้วว่านายพิชิต มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ แต่ยังนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ นายกรัฐมนตรีก็จะมีความผิดจริยธรรมร้ายแรง
นายสมชาย มองว่า แม้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้สอบถามคุณสมบัติของนายพิชิต ต่อคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว แต่ถือเป็นเรื่องไม่ปกติ เพราะควรถามมาตรา 160 ทั้งมาตรา ไม่ใช่แค่อนุใดอนุหนึ่ง เพราะ สว.ได้ตรวจสอบแล้วว่ามีการสอบถามกฤษฎีกาไปแค่ครั้งเดียว คือตั้งแต่การตั้งครม.เศรษฐา 1 เมื่อเดือนก.ย. 66 แต่การปรับครม.ครั้งล่าสุด เมื่อเดือนเม.ย. 67 ไม่มีการสอบถามเรื่องคุณสมบัติของนายพิชิต เพิ่มเติมต่อคณะกรรมการกฤษฎีกา ทั้งที่ควรสอบถามไปเพิ่มเติม ว่านายพิชิต มีคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรีควบถ้วนตามมาตรา 160 และมาตราอื่นๆ หรือไม่
"เรื่องนี้นายเศรษฐาจะต้องไปชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ คาดว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเชิญนายเศรษฐา, ครม. และคณะกรรมการกฤษฎีกา สภาทนายความ ไปไต่สวน หรือถ้าจะเชิญผู้ร้องไปไต่สวน ผมก็พร้อมไปชี้แจง คาดว่าใช้เวลา 2 เดือน ถ้าศาลวินิจฉัยว่านายเศรษฐา มีความผิด นอกจากจะต้องสิ้นสภาพการเป็นนายกฯ แล้ว จะต้องมีการดำเนินคดีทางอาญาต่อนายกฯ อาจจะไปยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือศาลฎีกาดำเนินคดีต่อไป" นายสมชาย กล่าว
ส่วนที่ไม่เปิดเผยรายชื่อ 40 สว. ตั้งแต่ตอนแรก นายสมชาย ชี้แจงว่า เพราะเคยเกิดกรณีการนำชื่อ สว.ที่ลงชื่อตรวจสอบข้อพิพาทกรณีเขาพระวิหารไปเล่นงาน สว. รวมถึงครอบครัวของสว.ที่ร่วมลงชื่อด้วย อีกทั้งสว.ที่ลงชื่อส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ ไม่อยากถูกตามสัมภาษณ์ หรือถูกล็อบบี้ให้ถอนชื่อ เพราะแม้แต่วันที่ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้วก็ยังมีความพยายามให้สว.ถอนชื่อ แต่ไม่สามารถถอนชื่อได้แล้ว ทั้งหมดนี้จึงมีความจำเป็นต้องปกปิดรายชื่อ
พร้อมกล่าวด้วยว่า ข้อมูลทั้งหมดเหล่านี้อยู่ที่ตนคนเดียว เพราะมีการตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหาก่อนที่จะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญถึง 14 ครั้ง โดยตนเป็นคนตรวจคนสุดท้าย และเป็นผู้ยื่นต่อศาลด้วยตัวเอง แต่รายชื่อ 40 สว.ที่หลุดออกไป เป็นผลมาจากผู้ถูกร้องไปยื่นขอคัดคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ
ส่วนรายชื่อเดิมจะมี สว.ลงชื่อเกือบ 100 คน ทั้งๆ ที่ใช้รายชื่อเพียง 25 คนเท่านั้น แต่ตนเห็นว่าได้รายชื่อ 40 คนก็มากเพียงพอแล้ว บางคนแม้ไม่เข้าชื่อก็มีส่วนร่วมในการตรวจสอบร่างที่ยื่นต่อศาลฯ หรือบางคนก็ถูกขอร้องไม่ให้เซ็นชื่อ ฉะนั้น ทุกคนลงชื่อด้วยตัวเอง ไม่มีใครมาขอร้อง
ขณะเดียวกัน ยังไม่รู้สึกกังวลว่า 40 สว.จะถูกเช็คบิลย้อนหลัง หลังจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาระบุว่าทราบว่าใครอยู่เบื้องหลังการยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ
"ผมเห็นด้วย หากนายทักษิณ จะกลับไปเลี้ยงหลานดีแล้ว แต่ถ้าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เป็นนายกฯ เงา อาจจะมีความผิดข้อหาเกี่ยวกับเรื่องการครอบงำ แทรกแซง อาจทำให้นายเศรษฐาโดนสองเด้งได้" สว.สมชาย กล่าว