อัยการสูงสุด ออกแถลงการณ์ระบุว่ามีคำสั่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 112 ฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้พนักงานอัยการไม่สามารถยื่นฟ้องนายทักษิณต่อศาลได้ เนื่องจากนายทักษิณไม่ได้มาพบตามกำหนดนัด โดยมอบอำนาจให้ทนายความขอเลื่อนฟังคำสั่งพร้อมแนบใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าป่วยเป็นโควิด โดยแพทย์ให้หยุดพักงานและสังเกตอาการเป็นเวลา 7 วัน พนักงานอัยการจึงได้นัดให้นายทักษิณมาพบอีกครั้งในวันที่ 18 มิ.ย. เพื่อยื่นฟ้องต่อศาลต่อไป
นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า การเลื่อนนัดนายทักษิณไปเป็นวันที่ 18 มิ.ย.67 ไม่มีผลต่อคำสั่งฟ้องของอัยการสูงสุด เมื่อถึงวันนัดอัยการต้องนำตัวนายทักษิณไปส่งฟ้องต่อศาลอาญาตามระเบียบ หากนายทักษิณไม่เดินทางมาตามนัดหรือไม่แจ้งเหตุ อัยการจะมีหนังสือแจ้งให้พนักงานสอบสวนติดตามตัวนายทักษิณมาส่งฟ้องให้ได้ ส่วนเมื่อส่งฟ้องแล้วจะค้านประกันตัวหรือไม่ก็ต้องพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้ง
การนัดฟังคำสั่งจะสามารถเลื่อนออกไปได้อีกหรือไม่ คงต้องดูเหตุ ไม่สามารถคาดเดาล่วงหน้าได้ เพราะมีขั้นตอนปฏิบัติและข้อกฎหมายชัดเจนอยู่แล้ว เช่นเดียวกับการร้องขอความเป็นธรรมจากผู้ต้องหาก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาตามระเบียบของอัยการสูงสุด แต่ต้องไม่เป็นการประวิงคดี
"การร้องขอความเป็นธรรมเกิดขึ้นได้ แม้จะอยู่ในชั้นศาล เช่น กรณีฟ้องผิดตัวเพราะเป็นคู่แฝด เป็นไปตามหลักกฎหมาย ไม่ได้เปิดช่องให้ใคร" นายประยทธ กล่าว
สำหรับคดีนี้ เมื่อวันที่ 16 ก.พ.59 สำนักงานอัยการสูงสุด ได้รับสำนวนคดีการกระทำความผิดนอกราชอาณาจักรจากพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็นผู้กล่าวหานายทักษิณ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 21 พ.ค.58 ที่กรุงโซลของเกาหลีใต้ และเกี่ยวพันมาถึงในประเทศไทย
เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีความผิดซึ่งมีโทษตามกฎหมายไทยแต่กระทำนอกราชอาณาจักร จึงเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของอัยการสูงสุดเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินคดี โดยในชั้นแรกนายทักษิณ หลบหนี ยังไม่ได้ตัวมาทำการสอบสวน ร.ต.ต. พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุด ในขณะนั้นพิจารณาแล้วได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 59 เห็นควรสั่งฟ้องนายทักษิณ ตามข้อกล่าวหา
ต่อมานายทักษิณ กลับเข้ามาในประเทศไทยและถูกควบคุมตัวไว้ในคดีอื่น ในวันที่ 17 ม.ค.67 อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน และคณะ ร่วมกับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีได้เข้าแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมกับพฤติการณ์และข้อเท็จจริงทางคดีนี้ให้กับนายทักษิณทราบแล้ว แต่นายทักษิณให้การปฏิเสธ พร้อมกับยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ต่อมานายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสด ได้มีคำสั่งสอบสวนเพิ่มเติม และพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการครบถ้วนแล้วจึงส่งบันทึกคำให้การเพิ่มเติมให้กับอัยการสูงสุดพิจารณา
นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ กล่าวว่า นายทักษิณ พร้อมที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งในวันที่ 18 มิ.ย. นายทักษิณ ต้องเดินทางมาตามนัดของอัยการ ซึ่งจะได้เตรียมความพร้อมในเรื่องคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว และหลักประกัน
ส่วนการต่อสู้คดีนี้ได้เตรียมพยานหลักฐานไว้พร้อมแล้ว เพราะคลิปที่นำมาใช้เป็นหลักฐานกล่าวหานั้นมีการตัดต่อ และไม่รู้ว่าพนักงานสอบสวนได้ไปสืบค้นต้นฉบับตัวเต็มที่ประเทศเกาหลีใต้หรือไม่
"เห็นหลักฐาน ข้อกล่าวหา และเหตุผลแล้วไม่กังวล คลิปกล่าวหาไม่ใช่ต้นฉบับ มีการตัดต่อ พยายามพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นหลักฐานเท็จ ถ้าหาคลิปต้นฉบับได้ ตรรกะมีเท่านี้เอง" นายวิญญัติ กล่าว
นายวิญญัติ กล่าวว่า ในขั้นตอนการร้องขอความเป็นธรรมได้ชี้ข้อพิรุธของหลักฐานต่ออัยการไปแล้ว แต่เมื่ออัยการไม่เห็นด้วยแล้วสั่งฟ้องก็ต้องไปพิสูจน์ในศาล
ส่วนเรื่องความเจ็บป่วยที่มาประจวบเหมาะพอดีเป็นเรื่องข้อเท็จจริงที่มีใบรับรองจากสถาบันการแพทย์ที่เชื่อถือได้ แต่คงไม่สามารถก้าวล่วงเปิดเผยข้อมูลได้ และจะไปห้ามความสงสัยของสังคมคงไม่ได้