การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน เพื่อพิจารณาแนวทางการตราพระราชบัญญัตติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรรม โดยกำหนดให้ลงมติในประเด็นคณะกรรมการกลั่นกรองคดีที่ได้นิรโทษกรรมและนิยามของคำว่าแรงจูงใจทางการเมืองยังไม่ได้ข้อสรุป ส่งเรื่องให้คณะอนุ กมธ.ฯ กลับไปพิจารณาอีกรอบ
ที่ประชุมได้ใช้เวลาพิจารณาร่วม 3 ชั่วโมงแต่ไม่มีข้อสุปในประเด็นที่กำหนดไว้ในวาระ โดยนายนิกร จำนง เลขานุการ กมธ. กล่าวว่า กมธ.ยังไม่มีข้อสรุปใดๆ และให้อนุกรรมการฯ นำความเห็น กมธ.ที่หารือไปปรับปรุงก่อนนำเสนอ กมธ.อีกครั้งในวันที่ 6 มิ.ย.67 เบื้องต้นคาดว่าจะมีข้อยุติ อย่างไรก็ดีการหารือของ กมธ.ยังไม่ได้หารือถึงประเด็นของการนิรโทษกรรมคดีมาตรา 112
สำหรับวาระพิจารณาของ กมธ.ในสัปดาห์หน้าจะมีเรื่องนิยามของคำว่า "แรงจูงใจทางการเมือง" การนิรโทษกรรมโดยใช้รูปแบบคณะกรรมการ มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำ คดี ฐานความผิด หรือ การกระทำที่จะได้รับการนิรโทษกรรม กระบวนการสร้างความสมานฉันท์ อาทิ การล้างมลทิน การคืนสิทธิ และการยอมรับผิดและการให้อภัย
ด้านนายยุทธพร อิสรชัย ประธานอนุ กมธ.ศึกษาและจำแนกการกระทำเพื่อประกอบการพิจารณาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณารายงานของอนุ กมธ.ฯ แล้วมีความเห็นให้ไปปรับปรุงในส่วนของกรรมการกลั่นกรองคดี ในองค์ประกอบ เพราะอนุกมธ.ฯ เสนอให้มีกรรมการที่ประกอบด้วยบุคคลที่มีตำแหน่งในสภา เช่น ประธานสภา เป็นประธาน, ประธานวุฒิสภา เป็นรองประธาน แต่ที่ประชุมเห็นว่าควรเพิ่มสัดส่วนของฝ่ายบริหารด้วย เพราะอาจเกี่ยวข้องกับการใช้งบประมาณ ทั้งนี้เดิมอนุ กมธ.ฯ เสนอให้มีนายกรัฐมนตรีด้วย แต่ได้ปรับแก้ไขไป รวมถึงกรรมการในส่วนของศาลยุติธรรม แต่ถูกทักท้วงว่าไม่ควรมีเพราะอาจเกิดความขัดแย้งได้
ประธานอนุ กมธ.ฯ กล่าวว่า สำหรับคำนิยามนั้นยังมีประเด็นให้ปรับปรุงเล็กน้อย โดยได้วางกรอบของหลักการคือ เป็นการกระทำที่มีเหตุจูงใจทางการเมือง โดยรายละเอียดอนุ กมธ.ฯ จะหารือกันในวันที่ 5 มิ.ย.67 ก่อนจะเสนอให้ กมธ.ชุดใหญ่พิจารณาวันที่ 6 มิ.ย.67