นายไพบูลย์ นิติตะวัน สส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยกรณีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ผู้ถูกร้องที่ 1 และกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ถูกร้องที่ 2 ทำบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน หรือ MOU 2544 ที่ทำขึ้นโดยขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญนำมาใช้เป็นเครื่องมือมาดำเนินการแบ่งเขตอธิปไตยของไทยทางทะเลอ่าวไทย และแบ่งผลประโยชน์ทรัพยากรพลังงานธรรมชาติในทะเลของไทยให้แก่กัมพูชา
โดยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยและมีคำสั่ง ดังนี้
1.พิจารณาวินิจฉัยว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองในการนำ MOU 2544 ที่ทำขึ้นโดยขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาใช้เป็นเครื่องมือดำเนินการแบ่งเขตอธิปไตยของไทยทางทะเลอ่าวไทยและแบ่งผลประโยชน์ทรัพยากรพลังงานธรรมชาติทางทะเลของไทยให้แก่กัมพูชา เป็นการกระทำละเมิดสิทธิและอาจทำให้ได้รับความเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้อันเนื่องมาจากการถูกผู้ถูกร้องทั้งสองละเมิดสิทธิ
2.พิจารณาวินิจฉัยว่าบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน ค.ศ.2001 (พ.ศ.2544 ) หรือ MOU 2544 เป็นหนังสือสัญญาที่กระทำการโดยไม่ได้ขอความเห็นชอบของรัฐสภา จึงเป็นบทบัญญัติใดหรือการกระทำใดที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ เป็นอันใช้บังคับไม่ได้ตกเป็นโมฆะทั้งฉบับตั้งแต่เริ่มแรก ตามหลักการเรื่องความไม่สมบูรณ์แห่งสนธิสัญญา (Invalidity of Treaties) ซึ่งบัญญัติไว้ในอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฏหมายสนธิสัญญา ค.ศ.1969
3.มีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเลิกการกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญของผู้ร้อง โดยให้เลิกการนำ MOU 2544 ที่ทำขึ้นโดยขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาใช้เป็นเครื่องมือดำเนินการแบ่งเขตอธิปไตยของไทยทางทะเลอ่าวไทยและแบ่งผลประโยชน์ทรัพยากรพลังงานธรรมชาติทางทะเลของไทยให้แก่กัมพูชา ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 67 นายไพบูลย์ ได้ยื่นผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด MOU2544 ไทย-กัมพูชา เป็นโมฆะ เหตุไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาไทย ไม่มีผลผูกพันไทย โดยหากผู้ตรวจการแผ่นดินไม่ยื่นคำร้องของผู้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญภายในเวลา 60 วันนับแต่วันที่รับคำร้อง ซึ่งครบกำหนดในวันที่ 8 มิ.ย.67 แต่ปรากฎว่าผู้ตรวจการแผ่นดินยังไม่ได้ดำเนินการยื่นคำร้องนี้ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงใช้สิทธิยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ในฐานะปวงชนชาวไทยคนหนึ่ง ต้องการปกป้องเขตอธิปไตยทางทะเลบริเวณเกาะกูดอ่าวไทยเนื้อที่ 26,000 ตารางกิโลเมตร (16 ล้านไร่) และผลประโยชน์ทรัพยากรพลังงานธรรมชาติมูลค่า 20 ล้านล้านบาทของไทยในทะเลอ่าวไทย ซึ่งผู้ร้องได้ถูกละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญโดยตรงและอาจจะได้รับความเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ อันเนื่องมาจากการถูกละเมิดสิทธิ และการถูกละเมิดสิทธินั้นยังคงมีอยู่จากการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองราย