นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการประชุม สส.พรรคในวันที่ 17 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ ว่า เป็นการประชุม สส. เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ ซึ่งจะมีเรื่องของการแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564 ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ และการวางขุนพลเพื่อที่จะอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ในวันที่ 19-21 มิ.ย.
นายดนุพร กล่าวต่อว่า การอภิปรายครั้งนี้จะไม่เหมือนครั้งที่ผ่านมา เพราะน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทยลงมาดูเอง และบอกว่าอยากให้มีคนพูดถึงนโยบายกระทรวงต่างๆ เฉพาะเลย ไม่ใช่ สส.ใครอยากลงชื่อก็มาลงชื่อ แต่ไม่รู้จะพูดเรื่องอะไรบ้าง บางคนก็พูดซ้ำกัน จึงรู้สึกว่าประชาชนจะงง และน่าเบื่อ
นายดนุพร กล่าวต่อว่า ในการอภิปรายครั้งนี้จึงมีการวางขุนพลหลักๆ ไว้ประมาณ 20 คนที่จะมาพูดในรายกระทรวงนั้นๆ แต่หากมี สส.ที่จะพูดเสริมในรายกระทรวงนั้นๆ ก็สามารถจะทำได้ เพียงแค่จะต้องมีคนหลักๆ อยู่ ซึ่งก็จะเป็น สส.รุ่นใหม่ที่จะสื่อสารไปถึงประชาชนว่าการจัดทำงบประมาณในปีนี้มีนโยบายอะไรบ้าง หลักการในการจัดทำงบประมาณเป็นอย่างไรบ้าง โดยในวันพรุ่งนี้ นอกจากจะมีการประชุม สส.ของพรรคแล้ว ก็จะมีการซักซ้อมผู้ที่จะอภิปรายหลักๆ ด้วย
เมื่อถามว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ตและโครงการซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งเป็นนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย จะต้องมีการอภิปรายสนับสนุนหรือไม่ นายดนุพร กล่าวว่า มี เพราะเกี่ยวข้องกับงบประมาณของแผ่นดิน และจะมีผู้ที่อภิปรายถึงอยู่แล้วในทุกด้าน
เมื่อถามว่า หากฝ่ายค้านมุ่งเน้นที่จะอภิปรายเรื่องโครงการดิจิทัลวอลเล็ตและโครงการซอฟต์พาวเวอร์เป็นหลัก มั่นใจหรือไม่ว่ารัฐมนตรีจะสามารถชี้แจงได้ นายดนุพร กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นความลับอะไร เพราะเป็นนโยบายที่เราหาเสียงไว้ตั้งแต่ช่วงเลือกตั้งแล้ว ซึ่ง สส.ของรัฐบาลไม่ได้มีหน้าที่ตอบโต้ฝ่ายค้าน คนที่จะตอบโต้หรือลุกขึ้นชี้แจงได้ก็คือรัฐมนตรี ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ฝ่ายค้านจะมีข้อท้วงติงในเรื่องของการจัดงบประมาณ และถือว่าเป็นเรื่องปกติไม่น่าห่วงอะไร
นายดนุพร กล่าวว่า มั่นใจการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.จะสามารถผ่านวาระแรกได้อย่างฉลุย เพราะงบประมาณปี 2568 เป็นงบประมาณปีแรกที่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ทำเอง และเป็นความรับผิดชอบของพรรคร่วมรัฐบาล 100 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่งบประมาณปี 2567 มีการจัดทำงบประมาณไปพลางก่อน ฉะนั้น ตนเชื่อว่ารัฐมนตรีทุกกระทรวงพร้อมตอบทุกคำถาม
ส่วนการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ประชามติฯ ทางพรรคเพื่อไทยเตรียมขุนพลที่จะอภิปรายทั้งหมดกี่คน นายดนุพร กล่าวว่า จะมีคนหลักๆ อยู่ประมาณ 4-5 คน และผู้ที่ลงชื่อจะอภิปรายเสริมอีกประมาณ 15 คน ซึ่งตนไม่แน่ใจเรื่องของเวลาที่ได้รับการจัดสรรมา แต่ทั้งนี้จะไม่เลิกดึกมาก น่าจะเลิกประชุมประมาณ 17.00-18.00 น. เนื่องจากวันถัดไปต้องมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ดึก จึงจำเป็นที่จะต้องจัดสรรคนให้เหมาะสมกับเวลา
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะผ่านฉลุย นายดนุพร กล่าวว่า ผ่านแน่นอน เพราะฝ่ายค้านก็เห็นด้วย เมื่อฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลเห็นไปในทิศทางกันว่าหากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ต้องแก้ไขกฎหมายนี้ ไม่เช่นนั้นจะทำประชามติด้วยความยากลำบากในการที่จะขอเสียงประชาชน ก็มั่นใจว่าจะสามารถผ่านแน่นอน
*ก้าวไกลวางขุนพลกว่า 30 คนจัดเต็มอภิปรายงบปี 68
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเตรียมความพร้อมอภิปรายร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ว่าขณะนี้เราได้คัดเลือกผู้ที่จะมาอภิปรายเรียบร้อยแล้วจำนวน 30 กว่าคน ซึ่งแต่ละคนก็จะได้รับผิดชอบในประเด็นที่แตกต่างกันออกไป เพื่อให้ครอบคลุมปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ซึ่งตีมใหญ่จะแบ่งออกเป็นสองด้าน
ด้านแรก จะเป็นการชี้ให้เห็นว่าทำไมงบฯ 68 ที่รัฐบาลจัดสรร ไม่ตอบโจทย์กับอนาคตของประเทศ แต่กลายเป็นการจัดสรรที่เบียดบังทุกส่วน เพื่อทุ่มให้กับการเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และอีกด้าน เราจะฉายภาพให้เห็นว่า หากพรรค ก.ก. เป็นรัฐบาล เราจะจัดสรรงบให้ดีกว่านี้ได้อย่างไร เพื่อระเบิดศักยภาพของประเทศ และสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ประชาชนจับต้องได้ซึ่งจะล้อไปตาม 6 Bigbang ภารกิจเชิงนโยบาย ที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ได้ประกาศไว้ในงาน Policy Festival และผู้ที่จะมาอภิปรายในรอบนี้ จะมีทั้งผู้ที่เคยอภิปรายมาก่อนและยังไม่เคยอภิปรายมาก่อน
*รสทช.เชื่อทุกกระทรวงชี้แจงงบได้
นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สส.แบบบัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) กล่าวว่า ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรครวมไทยสร้างชาติ มีความพร้อมในการร่วมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมานรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท ที่จะมีขึ้นในวันที่ 19-21 มิถุนายนนี้ ซึ่งการใช้เวลา 3 วันถือว่าเพียงพอ รัฐบาลทุกกระทรวงมีความพร้อมชี้แจงงบประมาณ รวมถึงพรรครวมไทยสร้างชาติ ทั้งกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรมและที่เกี่ยวข้อง พร้อมร่วมพิจารณางบประมาณ แผ่นดินอย่างรอบคอบ มีความคุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติ มั่นใจว่า จะผ่านการพิจารณาของสภา เพื่อให้การเบิกจ่ายงบประมาณเป็นไปตามกรอบเวลาไม่ล่าช้า
ทั้งนี้อยากเห็นการอภิปรายของฝ่ายค้านเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ รักษาเวลา รักษาระเบียบการประชุม เพื่อเกิดประโยชน์ต่อประเทศ หากมีการตรวจสอบและข้อเสนอแนะ สามารถทำได้ตามหลักการ ไม่ใช้อารมณ์ หรือ วาทะกรรมทางการเมือง ตนไม่อยากเห็นการใช้เวทีอภิปรายงบประมาณ เป็นเวทีซักซ้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างที่เคยเกิดขึ้น
"ฝากไปถึงฝ่ายค้าน ขอให้ใช้เวลาอภิปรายงบ 68 อย่างคุ้มค่า สร้างสรรค์ อยู่ในกรอบตามวาระ ไม่ใช่ ใช้เวทีสภาซ้อมซักฟอกรัฐบาลเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา ขอให้หลีกเลี่ยงการใช้วาทกรรมที่รุนแรง เลี่ยงการสร้างคอนเทนท์ดราม่าเพื่อเอาไปลงในโซเชียล ขอให้ยึดผลประโยชน์ประชาชนและประเทศชาติเป็นที่ตั้ง ไม่คิดตีกินทางการเมือง" นายธนกร กล่าว
*ปชป.หวั่นก่อหนี้ก้อนโต
นายสรรเพชญ บุญญามณี สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาในสภาฯ วันที่19-21 มิ.ย.นี้ ว่า เอกสารร่างพ.ร.บ.งบฯปี68 ซึ่งมีจำนวนกว่า 10,000 หน้า ที่ส่งมาให้สส.ได้ศึกษาทำความเข้าใจในเวลาไม่ถึงสัปดาห์ ทำให้ทุกคนมีเวลาในการพิจารณาค่อนข้างน้อย แต่ตนชื่อเป็นว่าสส.ทุกคนจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นลำดับต้น ๆ เพราะเกี่ยวเนื่องกับประชาชนโดยตรง อีกทั้งการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลเป็นการแสดงออกถึงความจริงใจของรัฐบาลในการทำหน้าที่ตามที่ได้แถลงนโยบายไว้ในรัฐสภา
นายสรรเพชญ กล่าวต่อว่า จากการที่ตนได้ศึกษาดูเอกสารร่างพ.ร.บ.งบฯปี 68แล้ว เห็นว่างบประมาณดังกล่าวไม่ค่อยแตกต่างอะไรกับงบประมาณในปีที่ผ่าน ๆ มามากนัก ทั้งที่รัฐบาลชุดนี้มีอำนาจในการจัดสรรงบประมาณแทบจะ 100% สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับการจัดสรรงบประมาณในปี 2568 ที่มีการตั้งวงเงินกว่า 3.7 ล้านล้านบาท คือเรื่องของการกู้ขาดดุลที่มีการกำหนดวงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณถึง 865,700 ล้านบาท ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์และเกือบเต็มเพดานกรอบวงเงินที่รัฐบาลสามารถกู้ได้ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง และเมื่อพิจารณาที่ประมาณการสถานะการคลังระยะปานกลางรัฐบาลมีการประมาณการว่าในปี 2568 จะมีรายรับประมาณ 2.8 ล้านล้านบาท และปี 2569 จะมีรายรับประมาณ 3 ล้านล้านบาท
"สิ่งที่น่ากังวลคือรัฐบาลจะมีรายได้ตามเป้าจริงหรือไม่ เพราะในปีที่ผ่าน ๆ มามักจะมีรายได้ไม่ตามเป้าแล้วจะทำให้รัฐบาลต้องกู้เพื่อชดเชยเงินคงคลังสูงขึ้นไปอีก ยิ่งกู้มากรัฐบาลก็เสี่ยงต่อการกู้ชนเพดานอันจะเกิดผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจในอนาคต ซึ่งจากการจัดสรรงบประมาณดังกล่าวนี้ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้มีความจริงใจและไม่กล้าที่จะทำอะไรใหม่ ๆ ยังทำงบประมาณแบบเดิม ๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ซึ่งสวนทางกับนโยบายที่จะให้คนไทยมีกิน มีใช้ ที่โฆษณาตอนหาเสียง" นายสรรเพชญ กล่าว
"อีกสิ่งหนึ่งที่รัฐบาลจะต้องให้ความกระจ่างกับประชาชนคือ เงื่อนไขการใช้จ่ายเงินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตสามารถซื้อโทรศัพท์ได้หรือไม่ เพราะถ้าหากซื้อได้ก็อาจเป็นการเอื้อนายทุนค่ายมือถือรายใหญ่ที่ขายเครื่องพร้อมแพคเกจให้กับประชาชนโดยใช้เงินจากโครงการของรัฐบาลงบประมาณปี 2568 นี้ สิ่งที่รัฐบาลแสดงความสามารถให้เห็นได้ชัดเจนคือความสามารถในการกู้เงินและไปล้วงเงินจากที่อื่น ๆ มาได้ดีกว่าการหาเงินใหม่ ๆ เข้ามาในระบบ ซึ่งจนวันนี้แล้วรัฐบาลยังตอบไม่ได้ว่าจะหาเงินจากที่ไหนมาใช้คืนหรือชดเชยคืนเงินที่เอามาทำนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต นี้เลย" นายสรรเพชญ กล่าว