นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง มั่นใจจะไม่เกิดเหตุการณ์ปฏิวัติรัฐประหารขึ้นอีก เพราะไม่เชื่อว่าจะมีทหารคนใดยอมทิ้งชื่อเสียงมาทำเรื่องดังกล่าว อีกทั้งสถานการณ์ในปัจจุบันก็แตกต่างจากเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เพราะเมื่อก่อนยังไม่มีปัญหาราคาน้ำมันแพง ยังไม่มีปัญหาซับไพร์ม ซึ่งต้องยอมรับว่าสถานการณ์ในขณะนี้มีความรุนแรงหนักหน่วงกว่า ขณะที่การบริหารประเทศเป็นเรื่องยากเพราะต้องเผชิญปัญหาโดยรวม
"ผมไม่ได้เอาเศรษฐกิจของประเทศเป็นตัวประกัน แต่เป็นความจริงที่ทุกคนควรรับรู้และเข้าใจ เพราะวันนี้ข่าวลือต่างๆ ข่าวการทำรัฐประหารไม่เชื่อว่าจะทำได้ง่าย และไม่ได้เป็นการข่มขู่ใครด้วย"นพ.สุรพงษ์ กล่าว
นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในขณะนี้ยังเชื่อว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)ปีนี้จะโตได้ถึง 6% แม้จะมีแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง แต่รัฐบาลเตรียมออกมาตรการรอบใหม่เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน โดยในส่วนของเกษตรกรจะให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อนำไปซื้อปุ๋ยและเมล็ดพันธุ์พืช
สำหรับข้าราชการและประชาชนทั่วไปนั้นอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียด โดยเบื้องต้นจะให้ข้าราชการทำงานพิเศษนอกเวลาราชการ เช่น วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งนอกจากจะเป็นการเพิ่มรายได้แล้ว ยังทำให้ประชาชนได้รับบริการที่สะดวกสบายมากขึ้น รวมถึงการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการโดยเน้นระดับล่างเป็นหลัก ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้
ส่วนการจ้างงานพิเศษสำหรับประชาชนทั่วไปจะดำเนินการไปควบคู่กับการสร้างความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจมีโครงการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มรายได้ให้ประชาชนกลุ่มต่างๆ และการออกมาตรการเพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน และกระตุ้นให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมประหยัดพลังงาน ซึ่งจะความชัดเจนในอีก 2 สัปดาห์นี้
"ระยะแรกรัฐบาลได้ออกมาตรการเพื่อลดรายจ่าย ทั้งการลดหย่อนภาษีในภาคอสังหาริมทรัพย์ ลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการไปแล้ว มีการปรับขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำให้ภาคแรงงาน ต่อไปจะเป็นมาตรการสร้างรายได้ให้ประชาชนทุกกลุ่ม ซึ่งมีหลายมาตรการ เช่น เตรียมมาตรการจ้างงานพิเศษเพิ่มเติม มีการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมการนำสินค้าในโครงการ SML ธ.ประชาชน และสินค้าโอทอปมาออกร้านเป็นลู่ทางให้ประชาชนมีเวทีขายสินค้า และซื้อสินค้าในราคาหมาะสม" นพ.สุรพงษ์ กล่าว
นอกจากนี้ จะมีมาตการเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจยังเติบโตได้ โดยจะเร่งรัดโครงการลงทุนเมกะโปรเจ็คท์ ซึ่งในสัปดาห์นี้จะหารือกับนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม เพื่อเร่งรัดการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง(บางซื่อ-บางใหญ่) โดยจะเร่งให้ได้ผู้รับเหมา เร็วกว่าที่กำหนดไว้ 1-2 เดือน จากแผนเดิมที่จะได้ในเดือน ธ.ค. พร้อมทั้งเร่งรัดโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง, สีน้ำเงิน และโครงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิ
--อินโฟเควสท์ โดย คลฦ/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--