นายประยุทธ เพชรคุณ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ตามที่นายอำนาจ เจตน์เจริญรักษ์ อัยการสูงสุด มีคำสั่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ฐานร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 112 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 วันที่ 21 ต.ค.2519 ข้อ 1 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 3, 14 พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560 มาตรา 8 นั้น
วันนี้ นายวิพุธ บุญประสาท อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 ในฐานะหัวหน้าพนักงานอัยการที่ได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุด ให้เป็นผู้รับผิดชอบคดี ได้ส่งฟ้องนายทักษิณ ต่อศาลอาญาแล้ว โดยศาลประทับรับฟ้องไว้ตามหมายเลขคดีดำ ที่ อ.1860/2567 ขณะนี้ทนายความของนายทักษิณอยู่ระหว่างการยื่นหลักทรัพย์เพื่อขอประกันตัว
นายประยุทธ กล่าวต่อว่า การนำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องศาล เป็นไปแนวปฏิบัติตามปกติของการปล่อยตัวชั่วคราว โดยผู้ต้องหาจะเดินทางมารายงานตัวกับพนักงานอัยการก่อน เพื่อให้นำตัวไปส่งฟ้อง หรือไปรอที่ศาลเลยก็ได้
"การนำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องศาล เป็นไปตามแนวปฏิบัติปกติ" นายประยุทธ กล่าว
โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวด้วยว่า กรณีที่ทนายความของนายทักษิณระบุหลักฐานฟ้องคดีเป็นคลิปตัดต่อนั้น ถือเป็นรายละเอียดของคดีที่ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ เพราะศาลประทับรับฟ้องไปแล้ว ก็ถือว่าเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีที่ต้องไปต่อสู้กันในห้องพิจารณา โดยคดีนี้พนักงานอัยการมีความเห็นเกี่ยวกับการปล่อยตัวชั่วคราวให้เป็นไปตามดุลยพินิจของศาล
นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า กรณีที่มีการระบุคำนำหน้าเป็น "พ.ต.ท." นั้น เนื่องจากขณะเกิดเหตุเมื่อปี 2558 นายทักษิณยังไม่ได้ถูกถอดยศ ดังนั้นการระบุคำนำหน้านาม เพื่อยืนยันว่าเป็นการฟ้องถูกตัว และไม่มีผลให้ได้คำนำหน้านามกลับคืนมาแต่อย่างใด