นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ มีกำหนดนัดพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกลครั้งต่อไป วันที่ 3 ก.ค. และกำหนดให้คู่กรณีเข้ามาตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 9 ก.ค. ว่า ไม่แน่ใจว่าเมื่อมีการตรวจสอบพยานหลักฐานของแต่ละฝ่ายแล้ว ศาลฯ จะให้มีการสืบพยานหรือไม่ เพราะเข้าใจว่าทั้งฝ่ายผู้ร้อง และพรรคก้าวไกลเอง ต่างก็มีพยานที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายมากพอสมควร
"หากมีโอกาสได้ไต่สวน หรือสืบพยาน ก็อาจจะได้อธิบายเหตุผล และสิ่งที่พวกเราพยายามจะทำ" นายพิธา กล่าว
ส่วนความไม่เชื่อมโยงกันระหว่างคดีที่ 3/2567 (กรณีพรรคก้าวไกล เสนอแก้ ม.112 ใช้เป็นนโยบายหาเสียง) ที่ศาลให้เอาข้อไต่สวนของคดีที่ 3/2567 มาใช้ด้วยนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะใช้มาตรฐานเดียวกันในการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะมาตรา 49 กับมาตรา 92 และมาตรา 93 เป็นคนละมาตรา และคนละกฎหมายกัน
สำหรับความมั่นใจต่อพยานหลักฐานที่ยื่นไปยังศาลรัฐธรรมนูญนั้น นายพิธา กล่าวว่า มั่นใจทั้ง 9 ข้อต่อสู้ รวมถึงประเด็นเรื่องความชอบด้วยกฎหมายของ คำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ต่างจากตอนเสนอยุบพรรคอนาคตใหม่ และพรรคไทยรักษาชาติ
"คิดว่าสู้ได้ในทุกประเด็นที่ถูกกล่าวหา ดังนั้นถูกกล่าวหามากี่ประเด็น เราก็มี 9 ข้อนี้ ในการค้านได้ในทุกประเด็น จึงมั่นใจ" นายพิธา กล่าว
พร้อมเชื่อว่า ศาลฯ น่าจะเห็นถึงหลักของกระบวนการยุติธรรมที่อนุญาตให้มีโอกาสยืนหลักฐานได้ชัดเจน และมีกระบวนการที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งทั้งหมดอยู่ในดุลยพินิจของศาล ตนก้าวล่วงไม่ได้ แต่ก็ไม่กังวล