นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในสัปดาห์นี้จะมีการตั้งกระทู้ถามในวันที่ 11 ก.ค.นี้ โดยน.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล จะสอบถามจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้นายกรัฐมนตรีจะให้ รมว.คลัง หรือ รมช.คลัง มาตอบแทนได้ แต่จริง ๆ แล้ว มาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ใช่แค่เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต
"เรายืนยันว่าต้องเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้นที่มาตอบ เรื่องดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง ปัญหาปากท้องของประชาชน แต่จะพูดเรื่องอื่น ๆ เกี่ยวกับปัญหาปากท้องของประชาชน เช่น ค่าไฟก็จะต้องเกี่ยวเนื่องกับกระทรวงพลังงาน และมาตรการอีกหลาย ๆ ด้าน ที่จะเกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง ซึ่งจำเป็นต้องเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะนั่งหัวโต๊ะในการประชุม ครม.ชุดเล็กที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีเองก็เพิ่งพูดไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าไม่ได้ตั้งใจจะหนี ถ้าว่างก็จะมา ครั้งนี้ท่านรู้อยู่แล้วว่าทุกวันพฤหัสบดีช่วงเช้าจะเป็นกระทู้สดที่ ครม.จะต้องมาสแตนด์บาย แต่จริง ๆ แล้วไม่ต้องสแตนด์บายด้วยซ้ำเพราะฝ่ายค้านแจ้งไปอย่างไม่เป็นทางการตั้งแต่ช่วงเย็นวันจันทร์แล้ว" นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
หากสัปดาห์นี้นายกรัฐมนตรียังไม่มาตอบกระทู้ของฝ่ายค้านอีกก็ต้องตั้งคำถามว่า นายกรัฐมนตรีจะหลีกเลี่ยงและยื้อการตรวจสอบไปเรื่อย ๆ หรือไม่ และตนไม่แน่ใจว่าการพิจารณา พ.ร.บ.งบกลางปี นายกรัฐมนตรีจะส่งใครมาเป็นผู้ชี้แจงในสภา ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็น รมว.คลังเช่นเดิม ดังนั้นอยากให้นายกรัฐมนตรีมาชี้แจงให้ประชาชนรับทราบ เพราะคิดว่าเป็นเวทีที่สำคัญและเป็นโอกาสที่นายกรัฐมนตรีจะสามารถสื่อสารกับประชาชนได้ ผ่านการถามคำถามจาก สส. ซึ่งนายกรัฐมนตรีสามารถสะท้อนกลับมาได้ว่า ครม.กำลังทำอะไรอยู่
"นี่เป็นโอกาสที่ดี อย่าคิดว่าเป็นเวทีที่ฝ่ายค้านจะมาฉวยโอกาสหลอกด่า ผมคิดว่าถ้านายกรัฐมนตรีทำงานอยู่ตลอดเวลาก็มาชี้แจงได้อยู่แล้วว่าท่านทำอะไรไว้บ้าง เพราะมีหลายเรื่องที่ฝ่ายค้านอยากรู้จริง ๆ ไม่ใช่จะหลอกด่า เพราะบางทีเราก็ไม่รู้ว่าใน ครม.ทำอะไรกันบ้าง" นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
สำหรับการเพิ่มวันประชุมนั้น ตนไม่เข้าใจว่าประธานวิปรัฐบาลไปฟังจากที่ไหนมาว่าฝ่ายค้านจะเพิ่มวันประชุม เป็นวันพุธ พฤหัสบดี และศุกร์ ทั้งที่การเพิ่มวันศุกร์เกิดขึ้นเป็นครั้งเป็นคราวเท่านั้น ซึ่งการประชุมในสมัยนี้ตนก็เสนอแล้ว โดยเป็นการพูดคุยกับวิปรัฐบาลอย่างไม่เป็นทางการเมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้มีญัตติ รวมถึงรายงานของคณะกรรมาธิการค้างอยู่จำนวนมาก จึงคิดว่าอย่างน้อย ๆ ต้องมีการประชุมเพิ่มสัก 1 ครั้งภายในเดือนนี้หรือต้นเดือนหน้าก็ได้ เพื่อที่จะให้สะสางวาระที่ค้างอยู่ให้สามารถเดินต่อไปได้
"ผมเสนออย่างนี้ แต่อาจจะไม่ใช่ข้อเสนอที่ต้องทำทันที ถ้าเราประชุมสัปดาห์ละ 3-4 วัน แต่ประชุมแค่ 3 สัปดาห์ต่อ 1 เดือน ซึ่งกลายเป็นเดือนละ 12 วันจากเดิมมีเพียงแค่ 8 วัน จะทำให้สภาได้ประชุมเยอะกว่าเดิมและ สส.มีเวลาลงพื้นที่ยาวนานกว่าเดิม ผมเห็นว่าวิธีการมีหลายวิธี แต่เราต้องยอมรับว่าหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ควรต้องมาประชุมสภาเพราะญัตติต่าง ๆ ก็เกี่ยวข้องกับพี่น้องประชาชนโดยตรงเกือบทั้งหมด การลงพื้นที่ก็มีความสำคัญ แต่ลงพื้นที่อย่างเดียว แล้วไม่ได้นำมาพูดคุยหรือใช้กลไกต่าง ๆ ในสภา เพื่อที่จะแก้ไขปัญหา ให้กับประชาชนปัญหาเหล่านั้นก็ไม่ถูกแก้ไข ดังนั้นต้องจัดสรรให้ดี ไม่ใช่ว่าเพิ่มเวลาประชุมไม่ได้เลยหรือเพิ่มมากจนเกินไป" นายปกรณ์วุฒิ กล่าว