นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเป่าเค้กฉลองในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 75 ปี กับคนในครอบครัวและคนใกล้ชิดว่า ยอมรับว่าหัวใจเปี่ยมด้วยความสุข ไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้ได้ ขอบคุณทุกคนที่มาให้กำลังใจ ที่มาอยู่ด้วยกัน หลายคนที่มาวันนี้ไม่เคยทอดทิ้งกัน วันนี้ที่อยู่ด้วยกันถือว่าเราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อให้บ้านเมืองของเราได้รับการแก้ไข จริง ๆ แล้ว ถ้าพรรคเราแก้ไขไม่ได้ ก็ไม่มีพรรคไหนแก้ได้ เพราะพรรคเราเป็นพรรคที่มีประสบการณ์สูงมาก
หลังจากนั้น นายทักษิณได้ให้สัมภาษณ์ว่า วันคล้ายวันเกิดในปีนี้เป็นปีแรกที่มีความหมายและมีความสุขมาก รู้สึกยินดีที่ปีนี้จะได้อยู่ในวันงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 72 พรรษา 28 ก.ค.67 ซึ่งเป็นวันสำคัญของคนไทยทุกคน
นายทักษิณ กล่าวว่า ขอใช้คำว่าสุขภาพมีค่าที่สุด คนที่อายุเกิน 55 ปี ต้องเริ่มดูแลสุขภาพ เพราะสุขภาพสำคัญที่สุด สำหรับเรื่องการเมืองนั้น ถ้าเรายังมีพลัง ก็สามารถทำงานให้บ้านเมืองได้ ถ้าเรายังรักษาร่างกาย มีสมองแจ่มใส ก็จะสามารถช่วยบ้านเมืองให้เป็นประโยชน์ได้
วันนี้ก็ได้ทำบุญและได้นิมนต์พระที่เคารพนับถือ มาสวดมนต์ให้พรและถวายเพล พร้อมทานข้าวกับนักการเมือง นักธุรกิจ และญาติพี่น้องซึ่งมีความสุขดี ปีนี้เป็นปีที่ดีเพราะ น.ส.แพทองธาร และรัฐมนตรี รวมทั้งนักการเมืองคนอื่น ๆ ไม่ต้องตีตั๋วบินไปหาตนที่อื่น
นายทักษิณ กล่าวถึงกรณีจะพ้นมลทินในวันที่ 22 ส.ค.นี้ว่า ไม่มีโอกาสจะรับตำแหน่งอะไรทางการเมือง เพราะตนมีเงินเดือน 700 บาท จะรับตำแหน่งอะไรได้ ส่วนบทบาทในการช่วยเหลือ น.ส.แพทองธารนั้น ก็เป็นไปในฐานะพ่อให้คำปรึกษาลูก
"ไม่ห่วงเรื่องอะไร แต่ห่วงเรื่องบ้านเมือง และเศรษฐกิจ เพราะประชาชนลำบาก ก็จะช่วยกันคิดว่าจะพลิกฟื้นอย่างไรให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ก็กำลังคิดกันอยู่ สถานการณ์ของประเทศตอนนี้ วันนี้ต้องเรียกความเชื่อมั่น ถ้าไม่มีความเชื่อมั่น ไม่มีความน่าเชื่อถือ เงินก็จะหายหมด และวันนี้ชาวบ้านเป็นหนี้เยอะ เราจำเป็นต้องเสกคาถาเรียกเงินกลับเข้ามาให้ได้" นายทักษิณ กล่าว
สำหรับคดีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 14 ส.ค.นั้น ไม่น่ามีอะไรเป็นข้อกังวล เพราะนายกรัฐมนตรีทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ตรงไปตรงมา ไม่มีอะไรซับซ้อน เชื่อว่าน่าจะชี้แจงได้หมดทุกอย่าง ไม่มีอะไรต้องกังวล และไม่จำเป็นต้องมีแผนสำรอง ตนเองก็เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้ แก่แล้ว หมดเวลาทำงาน
ส่วนกระแสเพลง "คิดถึงลุงตู่" คงไม่เป็นไร เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ไปเป็นองคมนตรีแล้ว คงไม่กลับมาทำงานการเมืองแล้ว อย่าไปทำให้ท่านเสีย สำหรับภาวะเศรษฐกิจทั้งสองยุคนั้น จริง ๆ แล้วมันไม่มีอะไร น่าจะทำได้อยู่ ตนเองคิดว่าคงพูดเปิดทางด้านแนวทางด้านเศรษฐกิจด้วยวิสัยทัศน์ที่มองไว้ เพื่อให้ทุกฝ่ายได้หันมาดูว่า ประเทศไทยควรจะไปในทิศทางไหน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคนไทยในประเทศ และต่างประเทศ