นายนิกร จำนง เลขานุการคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีข้อสรุปในประเด็นการกำหนดวันออกเสียงประชามติ ที่ร่างเดิมกำหนดให้ออกเสียงในวันเดียวกับวันเลือกตั้ง สส.ที่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป, วันเลือกตั้งสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่นเนื่องจากดำรงตำแหน่งครบวาระ ได้กำหนดช่วงระยะเวลาเพิ่มเติม คือ กำหนดวันออกเสียงตามการเลือกตั้งดังกล่าวก็ได้ แต่ต้องไม่เร็วกว่า 60 วัน และไม่ช้ากว่า 150 วันเพิ่มเข้ามา เพื่อให้เกิดความชัดเจน
สำหรับประเด็นเกณฑ์การออกเสียงประชามติที่เป็นข้อยุตินั้น พบว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ได้ส่งความเห็นของกระทรวงมหาดไทย ที่ขอให้แปรญัตติในประเด็นเกณฑ์ของผู้ออกมาใช้สิทธิออกเสียงประชามติ โดยขอให้ใช้เกณฑ์ไม่ต่ำกว่า 1 ใน 4 ของผู้มีสิทธิออกเสียง เพิ่มเติมจากเกณฑ์ผ่านประชามติที่ใช้เสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่งของผู้ออกมาใช้
ทั้งนี้ ในความเห็นดังกล่าวนั้น ตนรับเป็นผู้แปรญัตติด้วย และต้องรอการพิจารณาของกมธ.อีกครั้ง เนื่องจากในประเด็นดังกล่าวนั้น ต่างจากตามเนื้อหาที่เสนอต่อสภาฯ ที่กำหนดให้ใช้เกณฑ์ผ่านประชามติเพียงแค่เสียงข้างมากของผู้ออกมาใช้สิทธิออกเสียงเท่านั้น
นายนิกร กล่าวด้วยว่า กมธ. ยังได้รับหนังสือจากภาคีเพื่อรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย (ภรป.) ที่เสนอต่อกมธ. เมื่อวันที่ 26 ก.ค. เพื่อเสนอความเห็นต่อการจัดทำเนื้อหาหลายประเด็น อาทิ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และหน่วยงานรัฐ สนับสนุน อำนวยความสะดวกให้ประชาชน พรรคการเมือง องค์กรพัฒนาเอกชน สามารถแสดงความคิดเห็น ทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยในการทำประชามติ และรณรงค์รูปแบบต่าง ๆ กำหนดให้มีอาสาสมัครการออกเสียงประชามติเพื่อความเที่ยงธรรม สุจริต เป็นต้น
"ข้อเสนอของ ภรป. ยังขอให้สภาฯ และวุฒิสภา เร่งพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติโดยเร็ว เพื่อให้ทันต่อการออกเสียงประชามติจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ครั้งแรก พร้อมกับการเลือกนายก อบจ. ในวันที่ 3 ก.พ.68 ด้วย" นายนิกร กล่าว