นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ปฎิเสธแสดงความคิดเห็นกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ขออนุญาตศาลเดินทางไปต่างประเทศ เพราะไม่มั่นใจในสถานการณ์การเมืองในช่วงเดือนส.ค.เลยขอไปตั้งหลักที่ต่างประเทศว่า ตนไม่แน่ใจ แต่ไม่น่าเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองที่จะมีการตัดสินคดีสำคัญ เพราะวันที่ 7 ส.ค. เป็นการตัดสินคดีของพรรคก้าวไกล ส่วนวันที่ 14 ส.ค. เป็นการตัดสินคดีของตน ส่วนนายทักษิณเองยืนยันพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมสำหรับคดี ม.112 อยู่แล้ว หรือแม้แต่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ออกมายืนยันแล้วว่า ไม่ได้จะตั้งหลักหรือไปทำอะไรที่ต่างประเทศ ซึ่งคงเป็นเรื่องของสุขภาพ หรือไปเยี่ยมเพื่อนฝูง และตนยังไม่ได้พบกับนายทักษิณ และไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องนี้
ส่วนที่มีการวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองในช่วงเดือนส.ค. มีความน่าเป็นห่วงนั้น นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวเรื่องปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่ด้วย นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องนี้ เพราะยังทำงานอย่างเต็มที่ ต้องดูแลปัญหาบ้านเมือง ปัญหาเศรษฐกิจ ไม่อยากคิดไปไกลเรื่องการปรับเปลี่ยนครม. เพราะระยะเวลาที่เหลืออีกประมาณ 3 ปี แน่นอนว่าคงต้องปรับเปลี่ยนเป็นธรรมดา แต่ไม่ได้เอามาโยงกับเรื่องวันที่ 14 ส.ค. นี้ หรือกรณีของพรรคก้าวไกล อย่าโยงดีกว่า บางเรื่องไปโยงแล้วซับซ้อนทำให้เกิดความเข้าใจผิด และอาจเบี่ยงเบนความสนใจในบางเรื่องที่ควรต้องคิดต้องทำ ไม่อยากให้รัฐมนตรีทุกคนที่ พยายามทำงานเต็มที่เกิดความไขว้เขวในเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีไม่ตอบคำถามว่า หากปรับ ครม. พรรคร่วมรัฐบาลเดิมจะอยู่ด้วยกัน หรือจะมีการปรับออกและดึงเสียงพรรคใหม่เพิ่มเข้ามา เพื่อให้เสียงของรัฐบาลแน่นขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับช่วงเวลานี้ เพราะเวลานี้ต้องช่วยเหลือกันแก้ปัญหาไป