น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า เปิดเผยถึงความรู้สึกการยุบพรรคอนาคตใหม่สู่การพิจารณายุพรรคก้าวไกลในวันนี้ว่า ความฝันและความต้องการของพวกเราคือการตั้งพรรคการเมืองที่ทำให้ประเทศไทยเท่าเทียมกัน และนำประเทศไทยก้าวทันโลก มีความเสมอภาค อำนาจสูงสุดอยู่ที่ประชาชน ซึ่งไม่ใช่ความฝันสุดโต่งหรือทะเยอทะยาน หลายประเทศในโลกนี้ก็ทำกันได้ แต่สำหรับประเทศไทย คนกลุ่มหนึ่งที่ลุกขึ้นมาทำพรรคการเมือง และมีประชาชนที่เห็นด้วยในแนวเดียวกันจาก 6 ล้านคน สู่ 14 ล้านคน จึงตั้งคำถามว่า ทำไมได้รับอนุญาตให้เกิดขึ้น และต้องมีการขออนุญาต
"ความรู้สึกแรกคือแค้น ไม่ใช่แค้นเพราะพรรคถูกยุบ แต่เป็นความแค้นที่เรารู้สึกอึดอั้นตันใจว่า ความฝันเรียบง่ายนี้ทำไมเป็นไปไม่ได้ และต้องขออนุญาตใครด้วย" น.ส.พรรณิการ์ กล่าว
ส่วนทางออกของพรรคก้าวไกล ในฐานะคนที่ถูกยุบพรรคมาก่อน น.ส.พรรณิการ์ เชื่อมั่นว่า พรรคก้าวไกลได้มีการเตรียมความพร้อมไว้ทุกกรณีแล้ว หากก้าวไกลไม่ถูกยุบพรรค ก็จะเดินหน้าต่ออย่างทะยาน และติดปีกไปข้างหน้า นำเวลาทั้งหมดไปทำประโยชน์ให้กับประชาชน แต่หากถูกยุบขึ้นมาก็เชื่อว่าจะไม่ใช้เวลานานในการเดินหน้าต่อ และสามารถทำงานต่อได้ทันที ไม่สะดุด
ทั้งนี้ ส่วนตัวมองว่า หากเชื่อว่าพรรคก้าวไกลทำในสิ่งที่ถูกต้อง ก็ไม่จำเป็นต้องให้กำลังใจอะไรกัน แต่ก็ขอบคุณประชาชนที่ให้ให้กำลังใจพรรค และถือว่าเป็นสิ่งยืนยันว่า ประเทศนี้เป็นของทุกคน และอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน
ในวันนี้ พรรคก้าวไกลได้จัดกิจกรรม "ก้าวไกล ไปต่อ" เพื่อเปิดให้ประชาชนมาร่วมกิจกรรมและรับฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญพร้อมกัน โดยโปรแกรมแรกจะเริ่มขึ้นในเวลา 13:00 น. การบรรยายพิเศษในหัวข้อ "ศาลรัฐธรรมนูญกับการยุบพรรคการเมือง" จาก นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า หลังจากนั้น เวลา 18.00 น.นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกล จะมีการแถลงข่าวที่พรรค ก่อนที่จะมีการขึ้นปราศรัยกับประชาชนที่มาร่วมฟังคำวินิจฉัยด้วยในวันนี้ ซึ่งกำหนดการจะเสร็จสิ้นในเวลาประมาณ 21:00 น.