นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โพสต์เฟสบุ๊กภายหลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคก้าวไกล อธิบายขยายความสโลแกนที่ว่า "ยักไหล่ แล้วไปต่อ-ไปไหน?" โดยระบุว่า แอบคาดหวังมาตลอดว่าพรรคก้าวไกลจะไม่ถูกยุบ ซึ่งการเดินสายต่างจังหวัดพบปะผู้คนตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ก็บอกกับทุกคนว่าไม่ต้องกังวล "ยักไหล่ แล้วเดินต่อไป" การยุบพรรคทำอะไรพวกเราไม่ได้ แม้จะยอมรับว่าในใจหวั่นไหวและกังวลพอสมควร
"วันนี้ฝันลม ๆ แล้ง ๆ ก็คือฝันลม ๆ แล้ง ๆ จริง พรรคการเมืองที่มีความคิดก้าวหน้า ไม่ถูกอนุญาตให้ดำรงอยู่ในสารบบการเมืองไทย ถ้าคุณไม่รอมชอมกับโครงสร้างการเมืองของคนชั้นนำ เพื่อชนชั้นนำ โดยชนชั้นนำ พรรคคุณจะถูกยุบ ถ้าคุณไม่ศิโรราบกับอำนาจเหนือประชาชน คุณก็ถูกตัดสิทธิ์การเมือง" นายธนาธร กล่าวฃ
นายธนาธร ยอมรับว่า ต้องมองให้เป็นโอกาสในการสร้างพรรคที่เข้มแข็งกว่าเดิม เราต้องการสร้างพรรคมวลชน ที่ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างแข็งขันผ่านพรรค ซึ่งที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลทำได้ดีกว่าพรรคอนาคตใหม่ แต่พรรคใหม่จะต้องทำให้ดีกว่าพรรคก้าวไกล ตัวชี้วัดที่สำคัญคือปริมาณและการมีส่วนร่วมของสมาชิก การยุบพรรคอาจทำให้เราทรุดไปบ้าง แต่เราสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดเชิงโครงสร้างได้ง่ายขึ้น พัฒนาตัวเองได้สะดวกขึ้น
"พรรคมวลชนที่เข้มแข็ง คือ อาวุธเดียวที่ประชาชนมีในการสร้างการเปลี่ยนแปลง เส้นขอบฟ้าทางการเมืองของเรา คือการเลือกตั้ง 2570 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งครั้งที่ 3 หลังจากการตั้งพรรคอนาคตใหม่ หลังจากการเดินทางก้าวแรกของเรา 2570 คือปีที่เราต้องชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย เราจะทำให้ทศวรรษ 2570 จะเป็นทศวรรษแห่งการเปลี่ยนแปลง นั่นคือที่ที่เราจะไป" นายธนาธร ระบุ
พร้อมมองว่า การบริหารพรรคก้าวไกลอย่างสง่างาม ภายใต้การนำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายชัยธวัช ตุลาธน และกรรมการบริหารพรรคทุกคน ทำได้เยี่ยมยอดมาก สามารถทำให้พรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้ง เป็นพรรคอันดับ 1 ของประเทศอย่างภาคภูมิ ขอให้ทุกคนเดินทางร่วมกันต่อ ศักยภาพและพลังของทุกคน แม้ถูกตัดสิทธิ์ลงเลือกตั้งไม่ได้ แต่ยังมีประโยชน์ต่อประเทศได้ในอีกหลายทาง
นายธนาธร ยังกล่าวถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เหลือ และผู้ปฏิบัติการพรรคด้วยว่า คงเป็นอีกวันที่สัมผัสถึงความอยุติธรรมได้ด้วยตัวเอง ทุกคนต้องตระหนักว่า ภารกิจและความคาดหวังที่ประชาชนจำนวนมากมีต่อเรา เป็นภารกิจที่วำคัญต่ออนาคตของประเทศ ต่ออนาคตของลูกหลานของเรา เป็นภารกิจที่ใหญ่กว่าความต้องการของตนเอง หากเราไม่สามัคคีกัน เอาอัตตาตนเองเป็นที่ตั้ง เราจะไปไกลกว่านี้ไม่ได้เลย ขอให้ทุกคนทำงานอย่างเสียสละ ลดอัตตาตนเอง มองเป้าหมายส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว นอบน้อมต่อประชาชน
ส่วนผู้สนับสนุนพรรคนั้น ขอให้เดินต่อไปด้วยกันอย่างหนักแน่น และอย่าหวั่นไหว
"เราลบคำปรามาสมาแล้ว 2 การเลือกตั้ง เพราะคุณ ขอบคุณจากใจที่เดินด้วยกันมาตลอด ในวันที่อนาคตใหม่ถูกยุบ เหนื่อยและหมดหวัง ผมได้กำลังใจจากทุกท่านค้ำยันให้ผมลุกขึ้นได้ หวังว่าทุกท่านจะส่งกำลังใจให้พรรคก้าวไกลอย่างดี เหมือนที่เคยส่งให้ผม ค้ำยันให้พวกเขาลุกขึ้นยืนต่อไปได้เช่นกัน" นายธนาธร กล่าว
พร้อมระบุว่า มีเวลาอีก 3 ปีจะถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า ขอให้มาร่วมสร้างพรรคใหม่ไปด้วยกัน พรรคที่สดใส มีพลัง พรรคที่สุขุม แต่กระตือรือล้น พรรคที่เปิดกว้าง แต่ก็หนักแน่นในอุดมการณ์ พรรคที่กุมข้อเสนอทางการเมืองที่แหลมคม แต่ไม่มุทะลุจนเสียงาน พรรคที่ทำงานอย่างหนัก เสียสละเพื่อประชาชน นี่คือพรรคใหม่ ที่จะนำพวกเราสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า
"ไม่มีอะไรต้องเสียใจ ตอบโต้ความอยุติธรรม ด้วยการทำงานให้หนักกว่าเดิม ให้ความปรารถนาดีต่ออนาคตประเทศของเรา ชนะความหวาดกลัว และความอำมหิตของพวกเขา ไม่มีอะไรต้องเสียใจ ยักไหล่แล้วเดินต่อไปด้วยกัน" นายธนาธร กล่าวในตอนท้าย