ทั้งนี้ อดีต สส.พรรคก้าวไกลทั้งหมด 143 คน ที่ไม่ได้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง และ สก. 11 คนจากพรรคก้าวไกล รวมถึงแนวร่วมเครือข่ายทั่วประเทศ ตกลงร่วมกันที่จะเดินหน้าต่อขับเคลื่อนและผลักดันการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ ในนามของพรรคประชาชน
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า จากที่ได้รับการเลือกเป็นหัวหน้าพรรค สามารถออกมาพูดอย่างตรงไปตรงมาว่าภารกิจของตน และพวกเราจากนี้ เรามีภารกิจสร้างรัฐบาลแห่งการเปลี่ยนแปลงในการเลือกตั้งปี 2570 ซึ่งจำเป็นจะต้องชนะการเลือกตั้งในครั้งหน้า และต้องตั้งเป้าหมายให้สูงยิ่งขึ้น นอกจากการเป็นพรรคอันดับหนึ่งในปี 2566 เป้าหมายขั้นต่ำของเรา เราอยากจะชนะการเลือกตั้ง โดยสามารถเป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้ นั่นคือเป้าหมายสูงสุดของพวกเรา
พร้อมยืนยันเดินหน้าการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ได้สั่งห้ามแก้ไข
"เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเซ็นเซอร์ปิดปากตัวเอง แต่เป็นการนำเสนอบนหลักการ ไม่ได้มุ่งเป้าเซาะกร่อน บ่อนทำลายสถาบันใด ตามรัฐธรรมนูญปัจจุบัน เราต้องยึดตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เรายืนยันเดินหน้าทุกอย่างต่อ เพียงแต่จะต้องกลับมาศึกษาข้อกฎหมายทุกอย่างด้วย
แน่นอนว่าเราไม่ประมาท เราทำทุกอย่างรอบคอบ คำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาจนยุบพรรคก้าวไกล เราต้องศึกษาอย่างดี แต่คิดว่าพวกเราต้องผลักดันเดินหน้าการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย โดยเฉพาะในส่วนนี้ ที่ปัจจุบันยังมีปัญหาอยู่...สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไป คือ หลักการและความเชื่อ เราต้องการทำให้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน" นายณัฐพงษ์ กล่าว
นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า พรรคไม่ได้พุ่งเป้าที่จะเสนอแก้ไขมาตรา 112 อย่างเดียว แต่เสนอแก้ไขเรื่องนโยบายอื่น ๆ ด้วย ซึ่งตนขอสื่อสารไปยังประชาชนที่อาจยังไม่ได้โหวตเลือกพรรคเราในอดีตว่า พรรคประชาชนในปัจจุบันไม่ได้พุ่งเป้าต่อสถาบันทางการเมืองใด ๆ ก็ตาม แต่เราตั้งใจเสนอนโยบายต่าง ๆ ในโครงสร้างสังคมไทยที่ยังมีปัญหา นี่คือวิธีสื่อสารตรงไปตรงมา ทำงานหนัก และจริงใจ ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนมากขึ้น
สำหรับแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรคนั้น ตนในฐานะหัวหน้าพรรคยังไม่ได้ดีพร้อม แต่ตนพร้อมที่จะพัฒนาตัวเองตราบใดที่ประชาชนยังให้การสนับสนุน คุณสมบัติของตนยังไม่เทียบเท่ากับอดีตแกนนำที่ผ่านมา แต่สิ่งที่คิดว่าตนมีไม่แพ้คนอื่นคือนำพาพวกเรามาอยู่ตรงนี้ ทำงานการเมืองให้ดีกว่าเดิม สิ่งที่มีไม่แพ้ใครคือทำงานหนัก เพื่อนำพาพรรคชนะการเลือกตั้งได้ และเร็วเกินไปที่จะบอกว่าจะจับมือกับใครจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูผลการเลือกตั้งก่อน
ส่วนคดีความของ 44 สส. อดีตพรรคก้าวไกล ที่อยู่ระหว่างไต่สวนในชั้นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า คำร้องของ ป.ป.ช.คิดว่าต่างจากการยุบพรรค เพราะเป็นศาลยุติธรรม ต้องพิจารณาเป็นรายกรณี การกระทำของ สส.แต่ละคน องค์ประกอบอาจต่างกันบ้าง บางคนอาจเรียกร้องแทนผู้ชุมนุม บางคนใช้สิทธิประกันตัว แต่ทุกคนได้ลงนามเสนอแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งแต่ละคนมีสิทธิชี้แจงกันไป แต่โดยในส่วนของตนไม่มีข้อกังวล
ส่วนการตั้งกรรมการบริหารพรรคเพียง 5 คน เพื่อหลบเลี่ยงอุบัติเหตุทางการเมืองในอนาคตหรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า การตั้งกรรมการบริหารพรรค 5 คน ไม่ได้หลบเลี่ยงอันตราย แต่เป็นข้อกำหนดขั้นต่ำกฎหมาย เราต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงไร้รอยต่อ จากพรรคที่ถูกยุบสู่พรรคประชาชน
"เราต้องการหาสมาชิก 1 แสนคน บริจาค 10 ล้านภายใน 1 เดือน พวกเรายังเปิดกว้าง หารือในพรรคว่า การออกแบบโครงสร้างพรรคจะมีกรรมการบริหารพรรคสัดส่วนมากขึ้นหรือไม่ ยังหารือในพรรคได้ต่อ อาจได้ข้อสรุปปลายเดือนหน้า จะมีการประชุมใหญ่อีกครั้งหนึ่ง" หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าว
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.พรรคประชาชน กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุมมีมติเปลี่ยนชื่อพรรคเป็น "พรรคประชาชน (People?s Party)" คำขวัญประจำพรรคคือ "โดยประชาชน เพื่อประชาชน สร้างประเทศไทยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน" มีสัญลักษณ์สามเหลี่ยมสีส้มหัวกลับ ต่อยอดมาจากแนวคิดของพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล
การเลือกใช้ชื่อพรรคประชาชนนั้นเป็นเหตุผลที่เรียบง่าย คือ เราต้องการจะเป็นพรรคการเมืองโดยประชาชน เพื่อประชาชน และเดินหน้าสู่การสร้างประเทศไทยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน เรามีความเชื่อว่าในระบอบประชาธิปไตยนั้น สิ่งที่มีคุณค่าสูงสุดก็คือประชาชนทุกคนในประเทศ สถาบันการเมืองทุกสถาบันก็ควรจะต้องยึดโยงกับประชาชน ถูกตรวจสอบได้โดยประชาชน และดำรงอยู่อย่างมั่นคงชอบธรรมด้วยความยินยอมพร้อมใจของประชาชนทุกคน
สำหรับภารกิจแรกที่จะดำเนินการ คือ การเปิดรับสมัครสมาชิก และรับบริจาคทางเว็บไซต์ www.PeoplesPartyThailand.org ในทันที ส่วนกิจกรรมการรณรงค์หลัก จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 10 ส.ค.67 ที่ Stadium One และจะกระจายไปทั่วประเทศต่อไป โดยตั้งเป้าหมายให้ได้สมาชิก 1 แสนคน และยอดเงินบริจาค 10 ล้านบาทโดยเร็วที่สุด
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน เปิดเผยว่า ตนไม่ได้มีความประสงค์ในการลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคตั้งแต่ต้น ดังนั้น ในขั้นตอนการหยั่งเสียงที่ประชุม สส.อดีตพรรคก้าวไกลเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (8 ส.ค.) ตนจึงได้เสนอชื่อแคนดิเดทหัวหน้าพรรค เป็น "นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ" ด้วยตัวเอง และในที่ประชุมก็มีการเสนอชื่อเพียงคนเดียว ด้วยเหตุผลว่านายณัฐพงษ์ มีประสบการณ์จากการทำงานเป็น สส.เขต และเป็น สส.บัญชีรายชื่อ และมีส่วนร่วมในบริหารงานภายในพรรคมาตลอด ตนและเพื่อน สส.จึงมั่นใจ และให้เสียงสนับสนุนนายณัฐพงษ์ เพราะมีคุณสมบัติพร้อมในการนำพรรคสู้ศึกเลือกตั้ง 2570
ด้านนายศรายุทธิ์ ซึ่งเพื่อนรักของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวว่าความเป็นเพื่อนกับนายธนาธรไม่ปฏิเสธ รู้จักกันมา 20 กว่าปี ในฐานะเพื่อนมีการคุยแลกเปลี่ยน แม้วันนี้อยู่คนละองค์กร แต่เราเข้าใจกันดีว่า การบริหารงานแต่ละองค์กร จะมีผู้บริหารแต่ละองค์กร มีโครงสร้างการทำงาน อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่กรรมการบริหารพรรค
สำหรับหน้าที่ของตนมุ่งหน้าโฟกัสไปที่การเลือกตั้งครั้งต่อไป โดยต้องพัฒนานโยบายต่อ ทำงานหลังบ้าน สร้างมาตรฐานพรรคประชาชน และ สส.พรรคประชาชน สืบทอดมาตรฐานเดิมตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ ก้าวไกล รักษาไว้เป็นอย่างดี เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบที่เต็มใจรับ
"เราจะมั่นใจว่าจะมีพรรคที่ต้องการทำงานเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในอนาคต แม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ที่นั่นแล้วก็ตาม" นายศรายุทธิ์ กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ
สำหรับบรรยากาศการเปิดตัวพรรควันนี้ มีกลุ่มผู้สนับสนุนจำนวนหนึ่งได้เดินทางมารวมตัวกันเพื่อให้กำลังใจ โดยมีการจับกลุ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงคดียุบพรรค และบางส่วนถือป้ายที่มีข้อความให้กำลังใจด้วย