เป็นที่ชัดเจนแล้วว่านายเศรษฐา ทวีสิน ไม่สามารถนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ต่อไปได้ หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากให้พ้นจากตำแหน่ง จากปมแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และส่งผลให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งคณะต้องสิ้นสุดลง ทำให้บรรยากาศการเมืองเข้าสู่ภาวะสุญญากาศ นโยบายต่างๆ ของรัฐบาลต้องชะงักไปและยังไม่รู้ว่าจะมีการสานต่อหรือไม่ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของทุกฝ่าย รวมถึงต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุน เศรษฐกิจอาจชะลอตัวจากที่เป็นอยู่ จนกว่าจะสามารถได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่
แม้สถานภาพของนายเศรษฐาจะหลุดจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี และมีผลให้ ครม.ไปพร้อมกันทั้งคณะด้วย แต่ ครม.ยังสามารถทำหน้าที่รักษาการได้ในช่วงระหว่างรอให้มี ครม.ชุดใหม่เข้ามา โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีอันดับหนึ่งได้รับการคาดหมายว่าจะขึ้นมาทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี
สำหรับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หากไม่ยุบสภาฯ จะมีการพิจารณาตามบัญชีรายชื่อที่บรรดาพรรคการเมืองได้เคยแจ้งไว้ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่ผานมา ได้แก่
- น.ส.แพทองธาร ชินวัตร, นายชัยเกษม นิติศิริ จากพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคที่มีเสียงมากเป็นอันดับ 1 ในรัฐบาลชุดนี้
- นายอนุทิน ชาญวีรกูล พรรคภูมิใจไทย
- พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พรรคพลังประชารัฐ
- นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค พรรครวมไทยสร้างชาติ
นอกจากนี้ อีกภาพที่จะเกิดขึ้น คือ ครม.ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้จะมีการผนึกขั้วเดิมไว้อย่างแน่นแฟ้นหรือไม่ ท่ามกลางกระแสข่าวความระหองระแหงภายในพรรคร่วมรัฐบาลเอง และขยับของแกนนำบางส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ที่ทำให้เกิดความเป็นไปได้ในการดึงเข้ามาร่วมเพื่อสร้างเสถียรภาพให้รัฐบาล และอาจมาแทนที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ถ้าถูกปรับออก
อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของนักวิชาการ นายโอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา มองว่าแกนนำรัฐบาลชุดเดิมยังมีความแน่นแฟ้นและเป็นไปด้วยดี ปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาลถูกเคลียร์ไปหมดแล้ว เช่น กรณีดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดที่พรรคเพื่อไทยยอมโอนอ่อนให้มีการผลักดัน พ.ร.บ.กัญชาฯ ตามแนวทางของพรรคภูมิใจไทย ขณะที่ฟากฝ่ายค้านที่มีพรรคประชาชนเป็นแกนนำยังไม่ลงตัวดีหลังต้นสังกัดเดิมถูกยุบพรรค
จากนี้ต้องจับตาว่าภาวะสุญญากาศทางการเมืองแบบนี้จะผ่านพ้นไปได้แบบใด