นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พ้นสภาพความเป็นรัฐมนตรีว่า การที่นายกรัฐมนตรี หลุดจากตำแหน่งนั้น ย่อมมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนอย่างแน่นอน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ยังมีปัญหา ประกอบกับสถานการณ์การเมืองที่ไม่แน่นอน อาจส่งผลกระทบเชิงลบให้การหมุนเวียนเศรษฐกิจอยู่ในภาวะชะลอตัวไประยะหนึ่งได้ และกระทบต่อโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลที่ยังค้างอยู่ เนื่องจาก 1. ขั้นตอนการดำเนินงานหลายส่วนยังคงค้างอยู่ ยังไม่ได้ผ่านกระบวนการอนุมัติ ก็อาจจะมีการสะดุดติดขัด และ 2. เมื่อมี ครม.ชุดใหม่ ก็จะต้องแถลงนโยบายต่อสภาฯ ซึ่งต้องดูว่านโยบายหรือโครงการต่าง ๆ เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต ของรัฐบาลเพื่อไทย (พท.) จะยังถูกบรรจุอยู่ในนโยบายที่จะต้องนำแถลงต่อสภาฯ หรือไม่ หรือมีนโยบายเพิ่มเติมอะไรบ้าง
"โครงการดิจิทัลวอลเล็ตนั้น จะสามารถเดินหน้าได้ตามไทม์ไลน์เดิมที่รัฐบาลวางไว้ได้หรือไม่นั้น ยังตอบอะไรไม่ได้ จนกว่ากระบวนการทุกอย่างจะมีความชัดเจน ส่วนถามว่าเพื่อไทยจะพับโครงการไปเลยหรือไม่ ผมก็ยังไม่มองตรงนั้น บอกตรง ๆ ว่ายังไม่ได้มองประเด็นใดเลย ตอนนี้ เชื่อว่าภาคราชการคงชะลอการเดินหน้าไปก่อน เพราะมันไม่ได้อยู่ในส่วนที่ผม หรือเพื่อไทยจะผลักดันได้แล้ว คงต้องรอความชัดเจนก่อน ต้องอยู่ที่ตัวบทกฎหมายว่าจะเดินหน้าไปอย่างไร สุดท้ายคงต้องรอความชัดเจนที่จะออกมา จนกว่าจะมี ครม. ชุดใหม่" นายจุลพันธ์ ระบุ
สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต พรรคเพื่อไทยจะยังบรรจุไว้เป็นนโยบายเหมือนเดิมหรือไม่นั้น นายจุลพันธ์ ระบุว่า ต้องรอมติของพรรคก่อน รวมทั้งรอการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งยังไม่รู้ว่าพรรคใดจะเป็นแกนนำ หากรัฐบาลชุดใหม่ มีพรรคเพื่อไทยอยู่ด้วย ก็คงต้องไปหารือกัน แต่ถ้าไม่มี ทุกอย่างก็จบ
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย ซึ่งต้องยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้ ตนได้ยุติการปฏิบัติงานที่กระทรวงการคลังแล้วในทันที ซึ่งหลังจากนี้ การเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะต้องเดินหน้าต่อไปตามกลไกของสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงการจัดตั้งคณะรัฐมตรี (ครม.) ชุดใหม่ ซึ่งกระบวนการต่าง ๆ จะเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย
"เป็นรัฐมนตรีมาเกือบปี ยอมรับว่าผ่านอะไรมาเยอะ ส่วนตอนนี้ ภารกิจต่าง ๆ ในหน้าที่ก็ต้องหยุดทันที เป็นเรื่องปกติ" นายจุลพันธ์ ระบุ
ทั้งนี้ เชื่อว่า จะใช้เวลาไม่นานในการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยคาดว่าไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ จะมีการบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระประชุมของสภาผู้แทนราษฎร
"แต่สุดท้าย การเมืองก็ยังไม่ถึงทางตัน และต้องเดินหน้าต่อ เชื่อว่าเมื่อทุกอย่างชัดเจน สถานการณ์จะคลี่คลาย และกลับมาอยู่ในภาวะปกติ" นายจุลพันธ์ กล่าว