นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เปิดใจหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำตัดสินชี้ขาดคดีคุณสมบัติว่า เคารพการตัดสินใจของศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมยืนยันว่าเกือบ 1 ปีที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ มีความตั้งใจจริง พยายามทำทุกอย่างถูกต้อง ซื่อสัตย์สุจริต และรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย ส่วนกระบวนการสรรหานายกฯ ต้องดำเนินการต่อไปด้วยกระบวนการรัฐสภา ส่วนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต แลนด์บริดจ์ จะเดินหน้าต่อไปหรือไม่ขึ้นกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่
"ผมได้ดูตรงคำว่า ตัดสิทธิ์หรือไม่ตัดสิทธิ์ แต่ผมเสียใจตรงที่ว่า ถูกมองว่า ไม่มีจริยธรรม ซึ่งผมยืนยันในตัวบุคคลของผมว่า ผมไม่ใช่คนอย่างนั้น แต่เมื่อตุลาการศาลตัดสินมาแล้ว ผมก็น้อมรับ"นายเศรษฐา กล่าว
นายเศรษฐา ยอมรับว่า ยังมีภารกิจงานที่ยังไม่ทำอีกมาก มีปัญหาประชาชนอีกมาก แต่บ้านเมืองยังมีคนเก่งอีกหลายท่าน ก็ยังยืนอยู่ตรงนี้ยังทำงานต่อไปได้ โดยไม่จำเป็นต้องฝากงานกับรัฐมนตรีคนอื่น ๆ เพราะยังเป็นรัฐมนตรีรักษาการอยู่ ซึ่งนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กำลังหาไฟล์ทบินกลับจากคาซัคสถาน และกระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรีต่อไปก็เป็นไปตามกระบวนการของสภา ซึ่งก็ว่าไปตามกฏหมาย
พร้อมยืนยันว่า ไม่เคยคิดว่าถูกวางยา ไม่ใช่ว่า ผลออกมาแล้วไม่ได้อย่างที่คาดหวังไว้ แล้วจะไปกล่าวโทษคนนั้นคนนี้ หรือมองว่าถูกวางยา ตนไม่เชื่ออย่างนั้น
"การที่ศาลตัดสินออกมาแล้วไม่ได้เป็นอย่างที่คาดหวัง การที่บอกว่า เป็นบทเรียนราคาแพง มีใครวางยา อย่าไปก้าวล่วงตรงนั้นดีกว่า วันนี้เราน้อมรับคำตัดสิน เดินหน้าต่อไปดีกว่า "นายเศรษฐา กล่าว
ส่วนจะยังสามารถเป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีได้อยู่หรือไม่นั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นเรื่องของกฎหมาย ฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยคงจะต้องไปดู
นายเศรษฐา กล่าวถึงข้อกังวลเรื่องนโยบายโดยเฉพาะโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตนั้นว่า คนที่จะมาเป็นผู้นำไม่ว่าจะมาจากพรรคเพื่อไทยหรือพรรคอื่น มีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายตามเห็นสมควร เชื่อว่า ทุกคนอยากเห็นประชาชนอยู่ดีกินดี แต่ว่าวิธีการอาจจะแตกต่างกันออกไปบางคนอาจจะเห็นด้วย กับเงินดิจิทัลวอลเล็ต หรือไม่เห็นด้วย หรือเรื่องอื่นๆก็แล้วแต่ เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่กลับเข้ามา
"โครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า เข้าใจถึงข้อกังวลของประชาชนที่ลงทะเบียนไปแล้ว แต่ก็เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีคนต่อไป"
สำหรับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีความพร้อมที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อหรือไม่ นายเศรษฐา มองว่า คนที่อยู่ในรายชื่อแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี มีความพร้อมและมีจุดแข็งจุดอ่อนต่างกันไป ขอให้เป็นตามกระบวนการรัฐสภา
ส่วนวันพรุ่งนี้ตนยังไม่แน่ใจ ว่าจะทำอย่างไรเป็นสิ่งแรก ซึ่งขอคุยกับครอบครัวก่อน หรือหากทีมงานอยากคุยเรื่องส่งต่องาน ตนก็พร้อมไม่มีปัญหา เพราะได้ยกเลิกภารกิจการเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ในวันพรุ่งนี้แล้ว
นายเศรษฐา กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนไม่มีอะไรจะพูด นอกจากความปราถนาดีต่อนายกรัฐมนตรีคนต่อไป หรือในช่วง 1 เดือนนี้ที่รักษาการ นายกรัฐมนตรีจะดำเนินการ นำพาประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้า นั่นคือความตั้งใจสูงสุดที่อยากจะให้เป็น พร้อมยอมรับว่ามีความเป็นห่วงปัญหาเศรษฐกิจ เพราะเป็นเข้าใจความซับซ้อนของโครงสร้าง และการมีโอกาสมาดูแลบ้านเมือง ความเป็นอยู่ประชาชน ถือว่าเป็นเกียรติสูงสุดของตน
ขณะที่พรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า "ไม่ใช่ครั้งแรกที่พรรคเพื่อไทยเจออุปสรรคแต่เราจะทำงานต่อ เราจะไม่หยุดทุกครั้งที่ล้ม เราจะล้มไปข้างหน้าและลุกขึ้นใหม่อย่างมั่นคง เพื่อชีวิตที่ดีกว่าของคนไทย"